สัตว์กินเนื้อ กลุ่มสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ใหญ่เป็นอันดับ 6 สิ่งมีชีวิตที่จะต้องกินเนื้อเป็นอาหาร เพื่อความอยู่รอดบนโลกกลม ๆ ใบนี้ โดยบล็อกนี้จะพามาสำรวจอันดับสัตว์ผู้กินเนื้อ รวมถึงสัตว์ที่กินเนื้อสัตว์ด้วยกันเอง และสัตว์ที่มีเปอร์เซ็นต์การล่ามนุษย์ เพื่อให้เข้าใจหลักการใช้ชีวิตของพวกมันมากขึ้น
หากถามว่าสัตว์ที่กินเนื้อเป็นอาหาร มีความหมายว่าอย่างไร บล็อกนี้ก็ขอตอบเลยว่า สัตว์ที่กินเนื้อมาจากภาษาละติน ซึ่งแปลว่า “ ผู้ที่กินเนื้อสัตว์ ” ซึ่งสัตว์เหล่านี้มีรูปร่างหลากหลายขนาด แต่ส่วนใหญ่จะมีความคล้ายคลึงกัน โดย สัตว์กินเนื้อ ส่วนใหญ่นั้น
จะมีสมองค่อนข้างใหญ่ บวกระดับสติปัญญาที่สูง นอกจากนี้พวกมันยังมีระบบย่อยอาหารที่ซับซ้อน ซึ่งน้อยกว่ากอริลลา, กวาง, ตัวอ่อนแมลง, ม้า หรือวัว พวก สัตว์กินพืช เป็นอาหารจานหลัก โดยประเภทของสัตว์ที่กินเนื้อ มีทั้งหมด 3 ประเภทใหญ่ ๆ รายละเอียดดังนี้
สายพันธุ์สุนัขอลาสกัน มาลามิวท์ ( Alaskan Malamute ) สัตว์โลกที่จัดอยู่ในอันดับสัตว์ที่กินเนื้อ ซึ่งจัดเป็นสายพันธุ์สุนัขเก่าแก่ที่สุด ผู้คนในต่างแดนมักใช้งานในการลากเลื่อนคน หรือลากเลื่อนสิ่งของในเขตอาร์กติก โดยพวกมันมีลักษณะรูปร่างที่ใหญ่กว่า Siberian Husky แถมกล้ามเนื้อยังแข็งแรงกว่า มีสีขนให้เลือกหลากหลายสี
เมื่อพวกมันยืนจะเห็นถึงความสง่างาม เหมาะแก่การลากเลื่อนไปกลับ ไม่เหมาะอย่างยิ่งที่จะนำพวกมัน ไปแข่งลากเลื่อนกับสุนัขตัวอื่น ๆ ส่วนใหญ่มีนิสัยขี้เล่น เป็นมิตรกับคนแปลกหน้า ชอบได้รับความสนใจจากเจ้าของ แถมยังจงรักภักดี ทั้งนี้ อลาสกัน มาลามิวท์ ชอบกินเนื้อวัวเป็นหลัก เพราะเนื้อวัวเต็มไปด้วยโปรตีน บวกคาร์โบไฮเดรต [1]
สัตว์โลกตัวใหญ่อย่าง “ หมีสีน้ำตาล ” ( Brown Bear ) สิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดอีกชนิดหนึ่ง ที่จัดอยู่ในอันดับของสัตว์ที่กินเนื้อ แถมยังมีเปอร์เซ็นต์การล่ามนุษย์สูง โดยพวกมันเป็นหมีขนาดใหญ่มาก ๆ ซึ่งตัวผู้ที่โตเต็มวัยจะมีขนาดใหญ่กว่าตัวเมีย
เมื่อตัวผู้ยืน 4 เท้า จะมีความสูงเฉลี่ยที่ 5 ฟุต และเมื่อยืนด้วย 2 เท้า อาจมีความสูงถึง 9 ฟุต ส่วนน้ำหนักของตัวผู้อาจหนักถึง 1,000 ปอนด์ ส่วนตัวเมียจะประมาณ 450 ปอนด์ขึ้นไป ทั้งนี้ หมีสีน้ำตาลกินอาหารได้หลากหลาย ทั้งจำพวกพืช และเนื้อสัตว์ แต่ส่วนใหญ่จะกินจำพวกเนื้อสัตว์มากกว่า
อาทิเช่น หนู, แมลง, ม้า, วัวป่า, กวาง เป็นต้น นอกจากนี้ หมีสีน้ำตาลมักจะชอบจู่โจมใส่นักท่องเที่ยว ที่นิยมเข้ามาตั้งแคมป์ในป่า เพื่อกินพวกเขาเป็นอาหาร ถือว่าหมีสีน้ำตาลเป็นสัตว์โลกจำพวก สัตว์นักล่าชั้นยอด ที่มนุษย์ไม่ควรจะเข้าใกล้เด็ดขาด รวมถึงสัตว์ชนิดอื่น ๆ ด้วย [2]
สัตว์จำพวกกินเนื้อบางชนิด อาจเป็นสัตว์ที่มนุษย์คุ้นเคยมากที่สุด อาทิเช่น สุนัข หรือแมว พวกมันเป็นสัตว์ที่อยู่ในอันดับต้น ๆ ของห่วงโซ่อาหาร และได้สร้างโภชนาการสูงสุดในระบบนิเวศ พวกมันจึงมีความสำคัญที่มนุษย์เรา จำเป็นจะต้องนำไปเป็นพื้นฐาน
ในการรักษาสมดุลของธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน สัตว์กินเนื้อ ได้รับการยอมรับว่าเป็น องค์ประกอบจำเป็นในระบบธรรมชาติ เพราะพวกมันปรับปรุงเสถียรภาพของประชากรเหยื่อ เป็นผลให้สัตว์ที่รอดชีวิตได้รับอาหารที่ดีขึ้น และเป็นโรคภัยน้อยลง
นอกจากบนโลกใบนี้จะมีกลุ่มสัตว์ที่กินเนื้อ และกินพืชเป็นอาหารแล้ว โลกนี้ยังมีกลุ่มสัตว์จำพวกหนึ่ง ที่กินสิ่งมีชีวิตสปีชีส์เดียวกันเป็นอาหาร โดยพฤติกรรมการกินรูปแบบนี้ มักพบในสภาพแวดล้อมที่ขาดแคลนอาหารอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น แมงมุมกากบาท, แฮมสเตอร์,
ตั๊กแตน, งู, ชิมแปนซี, เสือดาว, ฉลามเสือทราย เป็นต้น ซึ่งพฤติกรรมการกินสัตว์สปีชีส์เดียวกันนั้น มีมาตั้งแต่อดีตกาลจนถึงช่วงเวลาปัจจุบัน โดยผลดีของพฤติกรรมนี้ จะส่งผลให้สิ่งมีชีวิตหาอาหารได้ง่ายขึ้น ลดโอกาสในการแข่งขัน แต่ผลเสียของพฤติกรรมนี้ ได้แก่ การเพิ่มโอกาสการแพร่กระจายโรค เป็นต้น [3]
สัตว์ที่กินเนื้อเป็นอาหาร อย่างสุนัขสายพันธุ์ต่าง ๆ ก็เป็นจำพวก สัตว์กินเนื้อ ที่มนุษย์ให้ความสนใจมากที่สุด ในช่วง 10,000 – 12,000 ปีที่ผ่านมานี้ มนุษย์ได้ทำการคัดเลือกสายพันธุ์สุนัข เพื่อใช้งานให้ทำภารกิจต่าง ๆ
อาทิเช่น ลากเลื่อน ส่งของ หรือล่าสัตว์ บลา ๆ ปัจจุบันมีสายพันธุ์สุนัขให้เลือกมากกว่า 400 พันธุ์ ทั้งนี้ ถ้าเป็นสัตว์ที่กินเนื้อชนิดอื่น ๆ อาจจะไม่มีความสัมพันธ์ร่วมกับมนุษย์ เนื่องจากพวกมันเป็นสัตว์ป่า ที่จะต้องอยู่อาศัยในธรรมชาตินั่นเอง
สัตว์ขนาดเล็ก สัตว์ขนาดใหญ่ ที่อยู่ในกลุ่มสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม อาทิเช่น สุนัข, แมว, สิงโต, เสือ, หมี, จระเข้ บลา ๆ ถูกเรียกอย่างเป็นทางการว่า “ สัตว์ผู้กินเนื้อ ” เป็นอาหาร และไม่ค่อยกินพืชเป็นหลัก สัตว์บางชนิดก็มีความสัมพันธ์กับมนุษย์ บางชนิดก็มีการล่ามนุษย์ บางชนิดก็ล่าสปีชีส์เดียวกันกินเป็นอาหาร