แมงแสนตีน สัตว์ขนาดเล็ก ที่มีบทบาทสำคัญในระบบนิเวศ

แมงแสนตีน

แมงแสนตีน ที่เป็นที่รู้จักกันดีในนาม “ กิ้งกือ ” เป็นสิ่งมีชีวิตที่จัดอยู่ในจำพวก สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง เราจะเห็นกันบ่อย ๆ ในช่วงหน้าฝน ใต้ก้อนหิน หรือในดินที่อุดมสมบูรณ์ มีลักษณะเด่นที่เห็นได้ชัดคือ มีลำตัวยาว และมีขามากมาย นอกจากจะเป็นที่รู้จัก ในฐานะสัตว์ที่มีจำนวนขามากแล้ว แมงแสนตีนยังมีบทบาทสำคัญ ในกระบวนการย่อยสลายซากพืช และการทำให้ดินมีความอุดมสมบูรณ์ ซึ่งทำให้พวกมัน มีความสำคัญต่อระบบนิเวศเป็นอย่างมาก

ที่มาของชื่อ แมงแสนตีน

แมงแสนตีน เป็นภาษาไทยถิ่นเหนือ ใช้เรียกสัตว์ที่ขาหลายขา ภาษาไทยจะเรียกว่า “กิ้งกือ”
เป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง มีลำตัวยาวแบ่งเป็นปล้อง ๆ และมีจำนวนขามาก เลยได้ชื่อว่า “แสนตีน” จะแปลว่า “มีขาเป็นแสน” แต่ความจริงแล้วแมงแสนตีน มีจำนวนขาที่แตกต่างกันไปในแต่ละชนิด โดยปกติจะมีขาน้อยกว่า 1,000 ขา การใช้คำว่า “แมง” เป็นการอ้างถึง สัตว์ขนาดเล็กหลายชนิด ที่มีหลายขา เช่น แมงมุม แมงป่อง แต่คำนี้ไม่ตรงกับนิยามทางวิทยาศาสตร์เสมอไป

ลักษณะของแมงแสนตีน

แมงแสนตีนเป็นสัตว์ ที่มีลำตัวยาวเรียว และประกอบด้วยปล้องหลายปล้อง โดยแต่ละปล้องมักจะมีขาอยู่ 2 คู่ ขึ้นอยู่กับชนิด และอายุของแมงแสนตีน แมงแสนตีนส่วนใหญ่ มีขาน้อยกว่า 100 ขา แต่บางสายพันธุ์อาจมีมากกว่า 700 ขา พวกมันเคลื่อนที่ได้ช้า และมีการเคลื่อนไหวที่ราบรื่น เนื่องจากการทำงานร่วมกัน ของขาจำนวนมาก แมงแสนตีนไม่มีตาหรือมีตาเล็กมาก จึงอาศัยการรับรู้สิ่งแวดล้อม ด้วยความรู้สึกผ่านเสาอากาศที่อยู่บริเวณหัว

การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์

  • อาณาจักร : Animalia
  • ไฟลัม : Arthropoda
  • ไฟลัมย่อย : Myriapoda
  • ชั้น : Diplopoda

ที่มา: “ กิ้งกือ ” [1]

พิษของแมงแสนตีน

เมื่อรู้สึกถึงอันตราย แมงแสนตีนบางชนิด จะปล่อยสารพิษออกมา ซึ่งอาจมีองค์ประกอบเป็นสารควิโนน (quinones) หรือกรดไฮโดรเจนไซยาไนด์ (hydrogen cyanide) ในปริมาณที่น้อย สารเหล่านี้ สามารถทำให้เกิดอาการแสบ หรือระคายเคือง เมื่อสัมผัสกับผิวหนัง อาจทำให้ผิวหนัง เกิดการระคายเคือง บวม แดง หรือตุ่มน้ำใสได้ในบางกรณี โดยเฉพาะถ้าผู้ที่สัมผัสมีผิวแพ้ง่าย หากสารเคมีจากแมงแสนตีนเข้าตา อาจทำให้เกิดการระคายเคืองอย่างรุนแรง ทำให้ตาแดง แสบตา หรือน้ำตาไหลได้ [2]

การป้องกันและการดูแลเบื้องต้น

  • หากสัมผัสกับแมงแสนตีน หรือสารเคมีที่มันปล่อยออกมา ควรล้างบริเวณที่สัมผัสด้วยน้ำ และสบู่ให้สะอาด และหลีกเลี่ยงการขยี้ตา หรือสัมผัสกับบริเวณอื่น ๆ ของร่างกาย หากมีอาการระคายเคืองที่รุนแรง ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม

บทบาทของแมงแสนตีน ในระบบนิเวศ

แมงแสนตีน

แมงแสนตีน เป็นสัตว์กินซากที่มีบทบาทสำคัญ ในการย่อยสลายอินทรียวัตถุ เช่น ใบไม้ที่ร่วงหล่น ซากพืชที่เน่าเปื่อย และถ่ายออกมา เป็นมูลสารอินทรีย์ ที่ช่วยเพิ่มแร่ธาตุในดิน เช่นเดียวกับมูลของ ไส้เดือน และ หอยทาก กระบวนการย่อยสลาย ของแมงแสนตีน ช่วยเร่งการเปลี่ยนสารอาหารในอินทรียวัตถุ ให้กลายเป็นธาตุอาหาร ที่พืชสามารถนำไปใช้ได้ กระบวนการนี้ช่วยทำให้ดิน มีความอุดมสมบูรณ์มากขึ้น และสนับสนุนการเจริญเติบโต ของพืชในพื้นที่ต่าง ๆ

ความสำคัญต่อดินและการเกษตร

ในพื้นที่เกษตร แมงแสนตีนมีบทบาท ในการช่วยเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดิน ด้วยการย่อยสลายอินทรียวัตถุ เปลี่ยนอินทรียวัตถุ ให้กลายเป็นสารอาหาร เช่น ไนโตรเจนและฟอสฟอรัส ซึ่งจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช การเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดินนี้ เป็นประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมาก พวกมันช่วยเติมเต็ม สารอาหารที่จำเป็นในดิน ทำให้ดินสามารถปลูกพืชได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ แมงแสนตีนยังช่วย ในการหมุนเวียนสารอาหารในดิน และส่งเสริมโครงสร้างของดิน ทำให้การดูดซึมน้ำ และธาตุอาหารดีขึ้น [3]

วัฏจักรชีวิตของแมงแสนตีน

วัฏจักรชีวิตของแมงแสนตีน เริ่มต้นจากการฟักออกจากไข่ ซึ่งแม่แมงแสนตีน จะวางไข่ในที่ชื้นและปลอดภัย แมงแสนตีนวัยอ่อน มีจำนวนขาน้อยกว่า และจะเพิ่มจำนวนขาเมื่อเติบโตขึ้น ในแต่ละช่วงของการลอกคราบ การเจริญเติบโตของแมงแสนตีน ใช้เวลาหลายปี และบางชนิด สามารถมีอายุยืนถึง 10 ปี วัฏจักรการลอกคราบ เป็นกระบวนการที่สำคัญ เพราะเป็นช่วงเวลาที่แมงแสนตีน สามารถขยายตัว และเพิ่มจำนวนขาได้

กระบวนการลอกคราบ

  • แมงแสนตีนจะลอกคราบหลายครั้ง ตลอดชีวิตของมัน โดยแต่ละครั้งจะเป็นการเพิ่มความยาวของลำตัว และจำนวนขา หลังจากลอกคราบแล้ว แมงแสนตีนจะมีตัวที่อ่อน และต้องรอให้เปลือกแข็งตัว เพื่อให้สามารถป้องกันตัวได้ กระบวนการนี้ ทำให้แมงแสนตีน สามารถปรับตัวและเจริญเติบโตได้ ในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง

อัตราการเจริญเติบโต

  • แมงแสนตีนมีอัตราการเจริญเติบโตที่ช้า ซึ่งส่งผลให้บางชนิดมีอายุยืนยาว การเจริญเติบโตในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้น และอาหารอุดมสมบูรณ์ ช่วยให้แมงแสนตีน สามารถดำรงชีวิต ได้ยาวนานกว่าสัตว์ขนาดเล็กอื่น ๆ ในระบบนิเวศ

สรุป แมงแสนตีน millipede

สรุป แมงแสนตีน เป็นสัตว์ที่มีความสำคัญในระบบนิเวศ ไม่เพียงแต่ช่วยย่อยสลายอินทรียวัตถุ และเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ ให้กับดินเท่านั้น แต่ยังมีบทบาท ในการรักษาสมดุลของธรรมชาติอีกด้วย ด้วยวิธีการป้องกันตัว ที่เป็นเอกลักษณ์และวัฏจักรชีวิต ที่ยาวนาน แมงแสนตีนเป็นตัวอย่าง ของสัตว์ขนาดเล็ก ที่มีผลกระทบใหญ่ ต่อระบบนิเวศ ทั้งในเรื่องของการรักษา ความอุดมสมบูรณ์ของดิน และการสนับสนุนการเจริญเติบโตของพืช

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง