แมงกะพรุน สัตว์ทะเลที่งดงามและน่าทึ่ง

แมงกะพรุน

แมงกะพรุน เป็นสัตว์ทะเลที่หลายๆ คนน่าจะรู้จักกันบ้างแล้ว และน่าจะเคยเห็นที่โชว์สวยงาม ตามอควาเรียมต่างๆ ด้วยลักษณะโปร่งแสง และลำตัวที่เป็นรูปทรงคล้ายร่ม ดูแล้วน่าจะไม่มีพิษมีภัยอะไร แต่หารู้ไม่แมงกะพรุนบางชนิด มีพิษร้ายแรงถึงชีวิตได้ ในบทความนี้ จะมาทำความรู้จัก กับแมงกะพรุนและรู้วิธีรับมืออย่างไร เมื่อโดนพิษของมันเข้า

แมงกะพรุนชื่อ Jellyfish ที่ไม่ใช่ Fish

แมงกะพรุน Jellyfish ถึงแม้ว่าจะมี Fish ในชื่อภาษาอังกฤษ แต่แมงกะพรุนไม่ใช่ปลาเลย แม้แต่น้อย เป็นสัตว์ทะเลที่จัดอยู่ในหมู่ สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง ไม่มีสมองเหมือนกับ ปลาดาว แต่มีระบบประสาท เพื่อรับสัมผัส และตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อม ใช้ชีวิตด้วยการลอยอยู่ในกระแสน้ำ แล้วปลากะพรุนสามารถว่ายน้ำได้ โดยการหดตัวด้านใน กับด้านนอกสลับกัน

 ลักษณะของแมงกะพรุน

แมงกะพรุนจะมีลักษณะเหมือนร่ม หรือถ้วยที่คว่ำ มีหนวดที่ยาว ตัวมีลักษณะนิ่ม เหมือนเยลลี่ มีส่วนประกอบของน้ำ ร้อยละ 94-98  แมงกะพรุนมีหลายสายพันธุ์ ซึ่งแต่ละสายพันธุ์มีลักษณะเฉพาะตัว ทั้งสีสัน ขนาด และรูปแบบของหนวด บางสายพันธุ์มีสีสันสวยงาม และมีหลากหลายสี เช่น สีฟ้า สีม่วง หรือสีแดง ในขณะที่บางสายพันธุ์ มีสีโปร่งแสง ที่เกือบจะไม่เห็นเมื่ออยู่ในน้ำ

การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์

  • อาณาจักร : Animalia
  • ไฟลัม : Cnidaria
  • ไฟลัมย่อย : Medusozoa Petersen

อันดับ

  • Cubozoa
  • Hydrozoa
  • Polypodiozoa
  • Scyphozoa
  • Staurozoa

ที่มา: “แมงกะพรุน” [1]

วงจรชีวิตของเหล่าแมงกะพรุน

แมงกะพรุน

แมงกะพรุนมีวงจรชีวิตที่ซับซ้อน เริ่มจากไข่ กลายเป็นตัวอ่อนที่เรียกว่า “แพลงตอน” และเติบโตขึ้น เป็นแมงกะพรุนเต็มตัวในที่สุด วงจรชีวิตของแมงกะพรุนนั้น ประกอบด้วยสองระยะสำคัญ คือ ระยะแพลงก์ตอน (Planula) ที่เป็นตัวอ่อน และระยะเมดูซ่า (Medusa) ที่เป็นแมงกะพรุนเต็มตัว และพวกมันยังมีบทบาทสำคัญ  ในระบบนิเวศทางทะเล โดยเป็นทั้งผู้ล่า และเหยื่อในห่วงโซ่อาหาร

แมงกะพรุนเป็นสัตว์ที่มีความสำคัญ ทั้งในแง่ของวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรม มันถูกใช้ในการศึกษาการเคลื่อนไหว และโครงสร้างทางชีววิทยา นอกจากนี้ยังปรากฏในศิลปะ และวรรณกรรมต่างๆ สะท้อนถึงความงดงาม และลึกลับของธรรมชาติ

แมงกะพรุนมีพิษต้องระวัง

 แมงกะพรุน เป็นสัตว์ทะเลที่น่าทึ่ง แต่ในขณะเดียวกัน พวกมันก็มีพิษที่อาจเป็นอันตราย ต่อมนุษย์ได้ หนวดของแมงกะพรุนมีเซลล์พิเศษ ที่เรียกว่า “นีมาโตซิสต์” (nematocyst) ซึ่งสามารถปล่อยพิษ เมื่อสัมผัสกับเหยื่อ หรือภัยคุกคาม แม้ว่าพิษของแมงกะพรุนบางสายพันธุ์ จะไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ แต่บางสายพันธุ์มีพิษรุนแรง ที่สามารถทำให้เกิดความเจ็บปวด และปัญหาสุขภาพที่รุนแรงได้

ลักษณะของพิษแมงกะพรุน

พิษของแมงกะพรุนประกอบด้วย โปรตีน และเอนไซม์ ที่สามารถทำลายเซลล์ ทำให้เกิดอาการเจ็บปวด บวมแดง แสบร้อน และอาจมีอาการแพ้ที่รุนแรงได้ พิษเหล่านี้สามารถส่งผลกระทบ ต่อระบบประสาท หัวใจ และกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะแมงกะพรุนชนิดที่มีพิษรุนแรง เช่น แมงกะพรุนกล่อง (Box Jellyfish) และแมงกะพรุนอิรุคันจิ (Irukandji Jellyfish) [2]

อาการที่เกิดจากการถูกแมงกะพรุนต่อย
อาการทันที : อาการเจ็บปวด แสบร้อน บวมแดง และมีรอยแผล บริเวณที่ถูกต่อย
อาการต่อเนื่อง : ปวดกล้ามเนื้อ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดหัว และมีไข้
อาการรุนแรง : หัวใจเต้นผิดจังหวะ ความดันโลหิตต่ำ หายใจลำบาก และอาจเกิดภาวะช็อก 

การปฐมพยาบาลเบื้องต้น

หลีกเลี่ยงการสัมผัส : อย่าใช้มือเปล่าสัมผัส หรือลูบ บริเวณที่ถูกต่อย
ใช้น้ำส้มสายชู : หากมี ให้ใช้น้ำส้มสายชู ราดบริเวณที่ถูกต่อย เพื่อหยุดการปล่อยพิษ ของเซลล์นีมาโตซิสต์
ถอดหนวดที่ติดอยู่ : ใช้แหนบ หรือวัตถุแข็งๆ ค่อยๆ ถอดหนวดแมงกะพรุนที่ติดอยู่บนผิวหนังออก
ประคบน้ำแข็ง : ประคบน้ำแข็งที่ที่โดยต่อย เพื่อบรรเทาอาการปวด

การป้องกัน
ระวังบริเวณที่มีแมงกะพรุน : หลีกเลี่ยงการว่ายน้ำ ในพื้นที่ที่มีรายงานการพบแมงกะพรุน
สวมใส่อุปกรณ์ป้องกัน : ใช้ชุดดำน้ำ หรือชุดป้องกันแมงกะพรุนเมื่อว่ายน้ำ หรือดำน้ำ ในบริเวณที่มีความเสี่ยง
ฟังคำเตือน : ปฏิบัติตามคำเตือน และคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ชายหาด หรือไลฟ์การ์ด

ที่มา: “แมงกะพรุนกล่อง พิษร้ายอันตรายถึงชีวิต” [3]

สรุป แมงกะพรุน รู้แล้วจะปลอดภัย

สรุป แมงกะพรุน สัตว์น้ำทะเลที่น่าทึ่ง และมีการเคลื่อนไหว ที่เป็นเอกลักษณ์ หากรู้จักกันแล้วก็ควรที่จะรู้วิธีรักษา และป้องกันด้วย การรู้จักพิษของมัน และการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก็จะสามารถช่วยลดความรุนแรง ของอาการ และป้องกันการเกิดอันตรายได้ นอกจากนี้ การปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน สามารถช่วยให้เราสนุกกับการว่ายน้ำ และกิจกรรมทางน้ำ ได้อย่างปลอดภัย 

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง