เลมมิ่ง (Lemming) เป็นสัตว์ฟันแทะขนาดเล็ก ที่พบมากในเขตทุนดราขั้วโลก แถบอาร์กติก เช่น อเมริกาเหนือ ยุโรปเหนือ และไซบีเรีย เป็นหนึ่งในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ที่มีทักษะการปรับตัวและการเอาตัวรอด ในสภาพอากาศหนาวเย็น ซึ่งเป็นภูมิภาค ที่มีลักษณะพิเศษเฉพาะตัวอย่างมาก การใช้ชีวิตในภูมิภาค และอากาศแบบนี้ ถือว่าเป็นเรื่องท้าทายเป็นอย่างมาก สำหรับสัตว์ตัวเล็ก ๆ เหล่านี้
เลมมิ่ง ถูกเข้าใจผิด จากเรื่องเล่าที่ว่า เป็นสัตว์ที่มีพฤติกรรมฆ่าตัวตายหมู่ จากการวิ่งไปสู่การตกน้ำ หรือหน้าผา ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิด จากการตีความผิดพลาด จากพฤติกรรมการย้ายถิ่น ในกลุ่มใหญ่ของพวกมัน ในความเป็นจริง เลมมิ่งเพียงแต่อพยพ หาแหล่งอาหารใหม่ เพื่อความอยู่รอด และเมื่อการเคลื่อนย้าย เป็นไปอย่างหนาแน่น ในพื้นที่ที่อันตราย อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุ และเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกมัน ดูเหมือนว่าฆ่าตัวตายหมู่ [1]
เลมมิ่งมีขนาดเล็กเพียง 7-18 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 23-34 กรัม มีรูปร่างค่อนข้างกลม มีขนยาว สีน้ำตาลและสีดำ นุ่ม หางสั้นมาก จมูกสั้นและมีขน ขาสั้น และหูเล็ก เล็บนิ้วแรกของเท้าหน้า มีกรงเล็บแบน ซึ่งช่วยให้ขุดหิมะได้ เป็นสัตว์ที่ใช้พลังงานสูง กินพืชเป็นหลัก เช่น รากไม้ ใบไม้ และหญ้า ด้วยอัตราการเผาผลาญพลังงานที่สูง ทำให้พวกมัน ขาดแคลนอาหารไม่ได้ ต้องการอาหารอย่างสม่ำเสมอ
เลมมิ่งเป็นสัตว์ที่ใช้ชีวิตเดี่ยวๆ เว้นแต่จะเป็นช่วงฤดูผสมพันธุ์ ที่ตัวผู้จะมาหาตัวเมีย เพื่อผสมพันธุ์ เลมมิ่งยังมีพฤติกรรมที่โดดเด่น อย่างการเคลื่อนย้ายถิ่นฐาน พวกมันจะอพยพ หาแหล่งอาหารใหม่ เมื่อทรัพยากรในพื้นที่ ที่อยู่อาศัยขาดแคลน โดยมักเคลื่อนที่เป็นกลุ่มใหญ่ เพื่อหลีกเลี่ยงภัยจากสัตว์นักล่า
การจำแนกทางวิทยาศาสตร์
ที่มา: “Lemming” [2]
เลมมิ่งเป็นสัตว์ ที่อยู่อาศัยในทุ่งหญ้าทุนดรา ในเขตขั้วโลกเหนือ เช่น แถบอาร์กติกของแคนาดา อลาสกา ยุโรปเหนือ และไซบีเรีย พื้นที่เหล่านี้ มีลักษณะภูมิประเทศที่หนาวเย็น และแห้งแล้ง ซึ่งทำให้เลมมิ่งต้องพึ่งพาโพรงใต้ดิน เป็นที่พักอาศัย เพื่อหลบหนาว และหลีกเลี่ยงนักล่า
เลมมิ่งจะขุดโพรงที่พื้นดิน เพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัย และแหล่งสะสมอาหารในช่วงฤดูหนาว พวกมันยังสร้างทางเดินใต้หิมะ ซึ่งช่วยในการเคลื่อนที่ และหาอาหารอย่างปลอดภัย เมื่อหิมะปกคลุม ในช่วงฤดูร้อนที่น้ำแข็งละลาย เลมมิ่งสามารถเคลื่อนไหวได้มากขึ้น และอาจใช้เวลา นอกโพรงมากกว่าเดิม แต่จะยังคงใกล้แหล่งอาหารเป็นหลัก
เลมมิ่ง เป็นสัตว์ที่มีบทบาทสำคัญ ในระบบนิเวศทุนดรา โดยเป็นแหล่งอาหารหลัก ให้กับสัตว์นักล่าหลายชนิด เช่น หมาจิ้งจอกอาร์กติก นกเค้าแมวขั้วโลก และนกล่าเหยื่ออื่นๆ ความสัมพันธ์ ระหว่างประชากรเลมมิ่ง กับสัตว์นักล่านั้น เกี่ยวข้องกับวงจรประชากร ของทั้งสองฝ่าย หากจำนวนเลมมิ่งเพิ่มขึ้น จะทำให้จำนวนสัตว์นักล่า เพิ่มขึ้นเช่นกัน [3]
ซึ่งสร้างสมดุลในระบบนิเวศ เมื่อประชากรเลมมิ่งลดลง จะทำให้สัตว์นักล่า ต้องปรับพฤติกรรม เช่น เปลี่ยนไปหาอาหารชนิดอื่นแทน การขุดดินของเลมมิ่งในช่วงฤดูร้อน เพื่อสร้างโพรง ยังช่วยให้น้ำ และสารอินทรีย์ซึมลงสู่พื้นดิน ช่วยพัฒนาสภาพดิน ในเขตทุนดรา ซึ่งมีทรัพยากรอาหารน้อย การกระจายเมล็ดพันธุ์ และมอสที่ติดมากับเลมมิ่ง ยังช่วยฟื้นฟูระบบนิเวศโดยรวมได้อีกด้วย
ด้วยการเปลี่ยนแปลง สภาพภูมิอากาศ ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา ทำให้เขตทุนดราเริ่มมีความอบอุ่นขึ้น ส่งผลให้เลมมิ่งต้องเผชิญ กับความเปลี่ยนแปลง ในที่อยู่อาศัย และทรัพยากรอาหาร หิมะที่เคยปกคลุมพื้นดิน อาจละลายเร็วกว่าปกติ ทำให้แหล่งที่อยู่ของเลมมิ่งลดลง อีกทั้งการเพิ่มขึ้นของสัตว์นักล่า ที่อาจเข้ามาในพื้นที่ซึ่งเคยหนาวเย็น อาจส่งผลให้ประชากรเลมมิ่ง ลดลงอย่างรวดเร็ว
นักวิจัย ได้ติดตามการเปลี่ยนแปลง ประชากรของเลมมิ่งในเขตทุนดรา เพื่อติดตามผลกระทบ จากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ซึ่งอาจส่งผลต่อระบบนิเวศ ของทุนดราโดยรวม
เลมมิ่งเริ่มต้นวงจรชีวิตของมัน จากการผสมพันธุ์ ในช่วงฤดูร้อน โดยปกติแล้ว การผสมพันธุ์จะเกิดขึ้น ในช่วงเดือนมิถุนายน ถึงกรกฎาคม ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม และปริมาณอาหารที่มีอยู่ หากมีอาหารมาก เลมมิ่งจะสามารถ ขยายจำนวนประชากรได้มากขึ้น ในฤดูผสมพันธุ์ หลังจากการผสมพันธุ์ ตัวเมียจะตั้งครรภ์ประมาณ 3 สัปดาห์ และจะคลอดลูกเลมมิ่ง ที่มีขนาดเล็กจำนวน 1-6 ตัว ขึ้นอยู่กับสภาพอาหาร ในขณะนั้น
การที่มีอาหารเพียงพอ จะส่งผลให้เลมมิ่งตัวเมีย สามารถเลี้ยงดูลูกเลมมิ่งได้ ในจำนวนที่มากขึ้น ลูกเลมมิ่งเติบโตอย่างรวดเร็ว และเมื่อมีอายุ ประมาณ 4-6 สัปดาห์ พวกมันจะเริ่มออกสำรวจ และฝึกทักษะการหาอาหารด้วยตัวเอง และจะเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์อีกครั้ง เมื่ออายุประมาณ 6-12 เดือน
สรุป เลมมิ่ง เป็นสัตว์ขนาดเล็ก ที่เต็มไปด้วยความแข็งแกร่ง และความสามารถ ในการปรับตัวในเขตทุนดราอันโหดร้าย พฤติกรรมการอพยพ และการสร้างโพรงของพวกมัน ช่วยสร้างสมดุล ให้กับระบบนิเวศ และสนับสนุนการอยู่รอด ของสัตว์นักล่าหลายชนิดในพื้นที่ ความสำคัญของเลมมิ่ง เลยเป็นสิ่งที่ไม่อาจมองข้ามได้ การศึกษาพฤติกรรม และการปรับตัวของมัน ยังคงเป็นหัวข้อที่น่าสนใจ และมีคุณค่าในการศึกษาธรรมชาติ