เต่าญี่ปุ่น เป็นสัตว์น้ำจืด อีกหนึ่งชนิด ที่นิยมซื้อมาเลี้ยง ในประเทศไทย ด้วยความตัวเล็กจิ๋ว น่ารัก พร้อมกับลวดลายเตะตา และมีจุดเด่นคือ แต้มสีแดงบนแก้ม ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ เต่าแก้มแดง (Red-eared slider) ยิ่งทำให้มัน น่าเอ็นดูเข้าไปอีก โดยพวกมันมาจากไหน ลักษณะยังไง และมีข้อมูล การเลี้ยงแบบไหน ติดตามต่อด้านล่าง
เต่าญี่ปุ่น คือชื่อเฉพาะ ที่คนไทยเรียก เนื่องจากมีการนำเข้า มาในไทยครั้งแรก โดยพ่อค้าคนญี่ปุ่น จึงทำให้นับจากนั้น เต่าชนิดนี้ ก็ได้ถูกเรียกตามกันมา จนถึงตอนนี้ ซึ่งถิ่นกำเนิด ก็ไม่ใช่แดนปลาดิบ แต่พวกมันมาจาก ทวีปอเมริกาเหนือ ตามแถบพื้นที่ชุ่มน้ำ เช่น รัฐอิลลินอยส์, แม่น้ำ Mississippi ไล่ไปจนถึง น่านน้ำเม็กซิโก [1]
สำหรับลักษณะ เต่าญี่ปุ่น โดยทั่วไป เมื่อตอนยังเป็นเต่าเด็ก จะมีกระดองสีเขียวล้วน แต่เมื่อโตเต็มวัย สีกระดองจะค่อยๆ เข้มขึ้น และมีลวดลายชัดเจน รวมไปถึงการดูเพศ ที่จะแยกออกเมื่ออายุ 2 ปี ซึ่งขนาดตัวเมื่อโตเต็มที่ อายุระหว่าง 7 ปีขึ้นไป จะมีความยาวประมาณ 1 ฟุต [2]
และสามารถมีอายุ เฉลี่ยมากกว่า 20-40 ปี หากเลี้ยงตัวเมีย จะมีขนาดใหญ่กว่าตัวผู้ แต่เกล็ดและหาง ตัวผู้จะยาวกว่า เมื่อเข้าสู่เดือนมีนาคม ถึงมิถุนายน จะเป็นช่วงผสมพันธุ์ จากนั้นอีกราว 2 เดือน ตัวเมียจะวางไข่ ซึ่งใช้ระยะเวลาฟัก ประมาณ 3 เดือนกว่าๆ ในส่วนอาหาร กินได้ทั้งพืชผัก และสัตว์ขนาดเล็ก
แต่ถ้าหากเลี้ยงดู อาจให้อาหารทั่วไป สลับกับอาหารสำเร็จรูปก็ได้ ซึ่งราคาไม่แรงนัก ยกตัวอย่างเช่น ซื้อในเว็บไซต์ Taily Buddy ขายเริ่มต้น 29 บาท ขึ้นอยู่กับน้ำหนัก และยี่ห้อ
ในส่วนวิธีเลี้ยง เต่าญี่ปุ่น สามารถเตรียมสถานที่ ให้ตรงตามสเปคผู้เลี้ยงได้เลย ไม่ว่าจะเป็น ตู้ปลา บ่อน้ำ หรือกรง ซึ่งอุปกรณ์ต่างๆ เบื้องต้น มีดังนี้ [3]
ทางด้านของราคา หลักๆ จะขึ้นอยู่กับสี และอายุ ซึ่งในไทยพบมากสุด คือ สีเขียว, สีเหลือง (เผือก) และสีน้ำตาล หากมีลักษณะธรรมดา ในเว็บไซต์ Line Shopping ขายกันอยู่ที่ราคา 170 บาท แต่ถ้ามีสีเผือก ราคาอาจสูงกว่า อ้างอิงจาก Youtube : Zing’s Day ราคาอยู่ที่ตัวละ 1,500 บาท
เต่าญี่ปุ่น สัตว์บกแก้มแดง ที่ค่าตัวเบาๆ และมีวิธีดูแลไม่ยาก แต่ก็ใช้ว่าจะไม่มีข้อเสีย เนื่องจากพวกมัน เป็นสัตว์กินเยอะ อึบ่อย และโตวัย ทำให้อาจต้องย้ายบ้าน หรือทำการ Big cleaning บ่อยมากกว่าพันธุ์อื่น จึงเหมาะกับผู้เลี้ยง ที่มีเวลาและใจรัก ดังนั้นก่อนซื้อ ควรพิจารณาดูก่อน