หมูไมโคร หรือ ไมโครพิก (Micro Pig) เป็นหมูพันธุกรรมใหม่ ที่ถูกปรับปรุงขึ้นโดย นักวิทยาศาสตร์ชาวจีน เพื่อให้มีขนาดตัวเล็กจิ๋ว ไม่โตขึ้นเหมือนสุกรทั่วไป และจัดให้อยู่ในกลุ่มสัตว์เลี้ยง ซึ่งข้อมูลต่างๆ มีรายละเอียดต่อไปนี้
Micro Pig หรือชื่อเรียกต่างๆ ทั้ง Teacup Pigs หรือหมูถ้วยน้ำชา ที่มีข้อถกเถียงว่า เป็นหมูสายพันธุ์ไม่จริง และอยู่ในกลุ่มเดียวกับ หมูแคระ (Mini Pig) ซึ่งในปัจจุบัน ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัด
จากข้อมูลในช่วงหลายปีผ่านมา มีพ่อค้าเพาะพันธุ์หมูขึ้นใหม่ โดยใช้ชื่อว่า ‘Teacup Pigs’ ซึ่งกล่าวว่าหมูจะตัวเล็ก และกลายเป็นเทรนด์ Pest Exotic ยอดฮิต ที่คนดังหลายคนซื้อไปเลี้ยง แต่บางคนกลับได้หมูยักษ์ ที่พอเลี้ยงไปแล้วหนักถึง 100 กิโลกรัม
ส่งผลให้นักวิทยาศาสตร์ จากสถาบันจีน Beijing Genomics Institute (BGI) ในเมืองเซินเจิ้น ได้ตัดต่อพันธุกรรมใหม่เรียกว่า TALENs เพื่อปิดฮอร์โมนการเติบโต จากตัวอ่อนของหมู Bama และตั้งชื่อให้ว่า “Micro Pig” ซึ่งยืนยันว่า มันจะเล็กจิ๋วตลอดไป
ซึ่งในเดือนกันยายน ปี ค.ศ. 2021 ที่ผ่านมา ทางสถาบัน BGI ประกาศว่า เพาะพันธุ์ไมโครพิกสำเร็จ หมูจะโตแล้วน้ำหนักไม่เกิน 13 กิโลกรัม และตั้งราคาจำหน่ายเริ่มต้น 1,600 ดอลลาร์ต่อตัว หรือราวๆ 58,000 บาท อีกทั้งยังไม่หยุดพัฒนา เพื่อให้ไมโครพิกรุ่นต่อไป มีสีและลวดลายมากขึ้น [1]
ไมโครพิกหรือหมูจิ๋วต่างๆ จะตัวโตได้ประมาณครึ่งหนึ่ง ของหมูทั่วไปในฟาร์ม หรือขนาดใกล้เคียงกับ สุนัขพันธุ์ปั๊ก และจะโตเต็มวัยเมื่ออายุครบ 5 ปี น้ำหนักส่วนใหญ่ 22-32 กิโลกรัม แต่สามารถโตได้ถึง 45 กิโลกรัม
และมีความสูงประมาณ 45-71 เซนติเมตร โดยเมื่ออายุตัวเมีย 4 ถึง 6 เดือน ควรนำไปทำหมัน ส่วนตัวผู้ควรทำหมัน ในช่วงอายุ 8 ถึง 12 สัปดาห์ และมีอายุขัยอยู่ได้ 5-10 ปี [2]
พฤติกรรมของไมโครพิก คือเป็นสัตว์สังคม สามารถเลี้ยงเป็นครอบครัวเยอะได้ แต่หากจะเลี้ยงร่วมกับสัตว์อื่น เช่น พวกมันเป็นมิตรกับแมวทุกตัว ไม่เป็นอันตราย แต่หากเป็นน้องหมา อาจไม่เข้ากันเท่าไหร่ เนื่องจากหมาเป็นสัตว์นักล่า และหมูเป็นเหยื่อ ทำให้พวกมันมีโอกาสทะเลาะกัน หรือแม้กระทั่งทำร้าย
หมูเป็นสัตว์ชอบสำรวจ อยากรู้อยากเห็น และชอบใช้จมูกขุดดิน อาจเป็นอันตรายได้ หากไม่มีพื้นที่ที่เหมาะสม แถมพวกมันยังมีปัญหา ในการรักษาความเย็นและความอบอุ่น ทำให้ผู้เลี้ยงต้องแน่ใจว่า ในช่วงฤดูร้อน พวกมันจะมีที่บังแดด หรือบ่อโคลน [3]
ในส่วนของอาหาร คิดเป็นมากกว่า 12% ของโปรตีน ผัก และถั่วปรุงสุก สามารถป้อนได้ทั้งข้าวโอ๊ต, ข้าวบาร์เลย์, ข้าวกล้อง, ไข่ดิบ, นม และผลไม้อื่นๆ โดยปริมาณอาหาร คิดเป็น 2% ของน้ำหนักตัว
คนดังหลายคน เพิ่มกระแสให้การเลี้ยงหมูแคระ แต่เริ่มมีความนิยมมากสุด คือในปี 2009 ยกตัวอย่างเช่น
และยังมีดาราดัง เซเลป และคนมีชื่อเสียงอีกหลายคน ที่มีสัตว์เลี้ยงเป็นหมูจิ๋ว ไม่ว่าจะเป็น เมแกน ฟ็อกซ์, เอลิซาเบธ เฮอร์ลีย์, เดนิส ริชาร์ดส์, แดเนียล สตีล, โจนาธาน รอสส์ เป็นต้น [4]
สำหรับราคา ไมโคพิกจิ๋ว ค่าตัวเฉลี่ยอยู่ที่ 50 ดอลลาร์ หรือราว 1,800 บาทต่อตัว ไปจนถึงประมาณ 6,000 ดอลลาร์ หรือราว 220,000 บาท ราคาต่างกันเล็กน้อย ขึ้นอยู่กับประเทศนั้นๆ
หรือหากใครคิดว่า ยังไม่พร้อมดูแล แต่อยากสัมผัสมากๆ ในบทความนี้ เรามีคาเฟ่หมูน้อยมาแนะนำ ชื่อว่า Mipig Cafe เป็นคาเฟ่หมูแคระที่แรก และที่เดียวในญี่ปุ่น ซึ่งในปัจจุบันมีทั้งหมด 14 สาขา
ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 660 เยน หรือประมาณ 154 บาท สูงสุดถึง 4,400 เยน หรือประมาณ 1,028 บาท โดยค่าบริการและเวลาเปิด-ปิด แต่ละสาขาไม่เหมือนกัน และต้องจองล่วงหน้า ผ่านเว็บไซต์เท่านั้น หากสนใจสามารถคลิกต่อได้ที่ Mipig + cafe
หมูไมโคร หรือหมูถ้วยชา ในปัจจุบันเป็นสุกร ที่นานาชาติยังไม่รองรับว่าเป็นสายพันธุ์ แต่เป็นที่รู้จักในฐานะ สัตว์เลี้ยงสุดแปลก Pest Exotic ที่ฮอตฮิตมากๆ ทั้งในกลุ่มคนทั่วไป และเซเลปคนดัง ซึ่งซื้อ-ขายเริ่มต้น ตั้งแต่หลัก 4 หลัก ถึง 6 หลัก