หมีแพนด้า หรือที่รู้จักกันในชื่อ แพนด้ายักษ์ (Giant Panda) เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม มีถิ่นกำเนิดในภูมิภาคป่า ของประเทศจีน และเป็นหนึ่งในสัตว์ที่ได้รับความนิยม และความสนใจมากที่สุดในโลก เนื่องจากลักษณะรูปร่างที่น่ารัก ลายขนสีขาวดำที่เป็นเอกลักษณ์ และสถานะการอนุรักษ์ ที่ใกล้จะสูญพันธุ์ หมีแพนด้ายังถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ ทางวัฒนธรรมของจีน และเป็นตัวแทนของความพยายาม ในการอนุรักษ์สัตว์ป่าทั่วโลกอีกด้วย
หมีแพนด้า เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ ตัวผู้มีน้ำหนักประมาณ 85-125 กิโลกรัม ในขณะที่ตัวเมีย มีขนาดเล็กกว่านิดหน่อย ทั้งตัวถูกปกคลุมด้วยขนขาวดำ โดยเฉพาะรอบดวงตา หู และขาทั้งสี่ ซึ่งทำให้มันมีลุคที่น่ารักน่าชัง นอกจากจะตัวใหญ่ และดูน่ากอดแล้ว ลายขนของมันก็ทำให้คนจดจำได้ง่าย
ถิ่นที่อยู่บ้านของหมีแพนด้า
หมีแพนด้าชอบอาศัยอยู่ในป่า บนภูเขาที่มีระดับความสูงตั้งแต่ 1,200 ถึง 4,100 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ซึ่งส่วนใหญ่พบได้ในจีนแถบมณฑลเสฉวน กานซู่ และส่านซี ป่าเหล่านี้เต็มไปด้วยไผ่ซึ่งเป็นอาหารหลักของหมีแพนด้า นอกจากนี้ ป่าที่มันอาศัยยังต้องมีความชื้นสูงเพื่อช่วยให้ไผ่เติบโตได้ดี
ที่มา: “แพนด้ายักษ์” [1]
ชื่อทวินาม
ชนิดย่อย
ที่มา: “Giant panda” [2]
แม้ว่าหมีแพนด้า จะอยู่ในกลุ่มสัตว์กินเนื้อ (Carnivora) แต่กว่า 99% ของอาหารที่มันบริโภคเป็น ไผ่ แพนด้าต้องการไผ่ปริมาณมากในแต่ละวัน เนื่องจากไผ่มีสารอาหารต่ำ แพนด้าจึงต้องกินอาหารมากถึง 12-38 กิโลกรัมต่อวัน ซึ่งใช้เวลาในการกินถึง 10-16 ชั่วโมงต่อวัน แต่ในบางโอกาสหมีแพนด้า อาจกินอาหารชนิดอื่นๆ เช่น หน่อไม้ รากไม้ แมลง และสัตว์ขนาดเล็กบ้าง
พฤติกรรมและการดำรงชีวิต
แพนด้าเป็นสัตว์ที่ชอบอยู่ตัวเดียว ยกเว้นในช่วงผสมพันธุ์ ที่ตัวผู้และตัวเมีย จะมาพบกันเพื่อสืบพันธุ์ หมีแพนด้าตัวเมียจะเข้าสู่ช่วงสืบพันธุ์ เพียงครั้งเดียวในรอบปี และมีระยะเวลาการผสมพันธุ์เพียง 2-3 วันเท่านั้น การตั้งครรภ์ของแพนด้า มีระยะเวลาประมาณ 95-160 วัน โดยตัวเมียจะให้กำเนิดลูกแพนด้า หนึ่งถึงสองตัว แต่โดยทั่วไปแล้ว ตัวเมียมักจะเลี้ยงดูลูกเพียงตัวเดียว ลูกแพนด้าแรกเกิดมีน้ำหนักประมาณ 90-130 กรัม ซึ่งถือว่าเล็กมากเมื่อเทียบกับขนาดตัวของแม่ เมื่อลูกแพนด้าอายุครบ 1 ปี น้ำหนักจะเพิ่มขึ้นถึงประมาณ 45 กิโลกรัม
หมีแพนด้า เป็นสัตว์ที่คนไทยคุ้นเคย และหลงรักมาตั้งแต่ช่วงที่ประเทศไทย ได้รับโอกาสต้อนรับแพนด้ายักษ์ จากประเทศจีน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการความร่วมมือ ระหว่างสองประเทศ หมีแพนด้าได้เข้ามาสร้างสีสัน ให้กับสวนสัตว์ในประเทศไทย รวมถึงเป็นสัญลักษณ์แห่งความสัมพันธ์ทางการทูต ที่เข้มแข็งขึ้นระหว่างจีนและไทย
ในปี 2003 ประเทศไทยได้รับแพนด้ายักษ์จากประเทศจีน 2 ตัว คือ ช่วงช่วง (ตัวผู้) และ หลินฮุ่ย (ตัวเมีย) ซึ่งทั้งสองตัวได้ถูกนำมาเลี้ยงที่ สวนสัตว์เชียงใหม่ ซึ่งเป็นสถานที่จัดแสดงหมีแพนด้าเพียงแห่งเดียว ในประเทศไทย ทั้งสองตัวเป็น “แพนด้าทูต” ซึ่งจีนมอบให้ไทย เพื่อแสดงถึงมิตรภาพ และความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศ [3]
การรับเลี้ยงหมีแพนด้าของไทย เป็นส่วนหนึ่ง ของโครงการแลกเปลี่ยน และอนุรักษ์หมีแพนด้าระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นความร่วมมือกับจีน ที่ให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์สัตว์ใกล้สูญพันธุ์ โครงการนี้ไม่เพียงแค่สร้างความสุข ให้กับประชาชนที่ได้มีโอกาสชมสัตว์หายาก แต่ยังส่งเสริมการวิจัย และการดูแลหมีแพนด้าในกรงเลี้ยงด้วย
สวนสัตว์เชียงใหม่ ได้รับการสนับสนุนอย่างดี จากทั้งทางจีนและรัฐบาลไทย ในการดูแลหมีแพนด้า โดยมีการจัดเตรียม สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม เช่น การควบคุมอุณหภูมิที่เย็นสบาย และการจัดเตรียมอาหาร ที่มีคุณภาพสูง โดยเฉพาะไผ่ ซึ่งเป็นอาหารหลักของพวกมัน นอกจากนี้ สวนสัตว์ยังทำงานวิจัย เกี่ยวกับพฤติกรรม และการสืบพันธุ์ของหมีแพนด้า รวมถึงการอนุรักษ์สายพันธุ์ให้คงอยู่ต่อไปในอนาคต
พิกัดสวนสัตว์เชียงใหม่ : https://maps.app.goo.gl/BReSXoTRzL4NHR4W9
ในปี 2009 ไทยได้รับข่าวดีเมื่อ หลินฮุ่ย ให้กำเนิดลูกแพนด้าตัวแรกของไทย ชื่อว่า หลินปิง โดยเกิดจากการผสมเทียม ซึ่งถือเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญ ของโครงการอนุรักษ์หมีแพนด้าในไทย หลินปิงได้กลายเป็นขวัญใจ ของคนไทยอย่างรวดเร็ว มีการถ่ายทอดสด ชีวิตประจำวันของมันผ่านโทรทัศน์ และผู้คนต่างหลั่งไหลมาชมหลินปิง ที่สวนสัตว์เชียงใหม่เป็นจำนวนมาก
หลินปิงได้รับความสนใจ ไม่เพียงแต่จากคนไทย แต่ยังเป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ นอกจากนี้ ยังมีการจัดทำแคมเปญ และกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเลือกชื่อหลินปิง และแสดงความรักต่อแพนด้าน้อยตัวนี้
สรุป หมีแพนด้า (Giant Panda) ไม่เพียงเป็นสัญลักษณ์แห่งความน่ารัก และความสุขใจเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวแทน ของการอนุรักษ์ และความร่วมมือระหว่างประเทศ ในการปกป้องสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์ และยังเป็นสัญลักษณ์ของความร่วมมือ ความพยายาม ในการรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ ให้คงคู่อยู่กับเราไปให้ลูกหลานได้เรียนรู้ และชื่นชมต่อไปในอนาคต