สัตว์มีพิษใกล้ตัว สัตว์อันตรายที่มักจะชอบเข้าบ้าน ชอบแอบอยู่ตามมุมซอกบ้าน เมื่ออากาศชื้นตอนฝนตก หรือหลังฝนตก สัตว์เหล่านี้มักจะออกมาเพ่นพ่าน ยิ่งช่วงนี้เป็นช่วงที่ภัยพิบัติ กำลังถาโถมเข้ามาในประเทศไทย
ทุกพื้นที่จะต้องเฝ้าระวัง เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายต่อ สัตว์เลี้ยงในบ้าน รวมถึงคนในครอบครัว โดยบล็อกรวมสาระน่ารู้นี้ ได้สำรวจรายชื่อสัตว์อันตราย พร้อมกับแนะวิธีป้องกัน รวมถึงการปฐมพยาบาลเบื้องต้น
ยิ่งช่วงนี้ภาคเหนือของไทย กำลังพบเจอกับอุทกภัยน้ำท่วม ภัยพิบัติธรรมชาติที่เกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ ด้วยสถานการณ์สุ่มเสี่ยงแบบนี้ บรรดาสัตว์ต่าง ๆ ที่เข้าข่ายว่าเป็น สัตว์อันตรายที่สุด อาจจะหลบหนีเข้ามาอยู่ภายในบ้านได้ โดยเฉพาะสัตว์อันตรายที่มีพิษ ที่จะต้องควรเฝ้าระวัง สัตว์เลี้ยงช่วยฮีลใจ รวมถึงคนในบ้านเป็นพิเศษ โดยจุดที่ควรเฝ้าระวังมี 2 บริเวณ ได้แก่
งู : กลุ่มสัตว์เลื้อยคลานอันดับหนึ่ง สัตว์มีพิษใกล้ตัว ไม่มีขา ไม่มีเปลือกตา มีเกล็ดปกคลุมผิวหนัง มีความปราดเปรียว มีความว่องไวในการเคลื่อนที่ โดยในประเทศไทยมีงูจำนวนมาก ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย พบเห็นงูมากกว่า 180 ชนิด โดยในบรรดา 180 ชนิดนั้น เป็นรายชื่องูชนิดของ สัตว์มีพิษอันตราย 46 ชนิด [1]
แมงป่อง : สัตว์อันตรายไม่มีกระดูกสันหลัง เป็นสัตว์ที่มีมาตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ ซึ่งมีการค้นพบซากที่มีอายุถึง 440 ล้านปี โดยพฤติกรรมของแมงป่องนั้น เป็นสัตว์ที่รักสงบ ชอบความเงียบ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ถูกรบกวน มักจะยกหางชูงอ ๆ ที่ด้านหลัง เพื่อขู่ก่อนเข้ามาต่อย
แต่สัตว์ชนิดนี้นอกจากจะมีอันตรายแล้ว ก็ยังมีประโยชน์ต่อมนุษย์เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น คนจีนนำมาปิ้งย่างเพราะมีความเชื่อที่ว่า จะช่วยขับลม ขับพิษ ทำให้เลือดไหลเวียนดี หรือมีการนำแมงป่องมาอบแห้ง เพื่อรักษาโรคหลายชนิด เป็นต้น [2]
ตะขาบ : สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังเช่นเดียวกับแมงป่อง เป็นสัตว์ที่พบได้ในเขตร้อนชื้น มักจะอาศัยบนบก ในประเทศไทยพบว่ามีตะขาบทั้งหมด 48 ชนิด เมื่อตะขาบกัดเหยื่อแล้ว พวกมันจะปล่อยพิษออกมา ทำให้เหยื่อเจ็บปวดทันที และเป็นอัมพาต
เห็นได้ว่าพิษของตะขาบ ไม่ได้รุนแรงถึงขั้นทำให้เสียชีวิต แต่บางรายที่โดนกัดจนมีอาการแพ้ ถึงขั้นติดเชื้อแบคทีเรียรุนแรง เคยมีรายงานข่าวต่างประเทศรายงานว่า พบเด็กหญิงฟิลิปปินส์ อายุ 7 ขวบ เสียชีวิตจากการโดนตะขาบกัดที่หัว จนมีอาการแพ้อย่างรุนแรง [3]
ปลิง : สัตว์ที่ชอบอยู่ในน้ำนิ่งตามหนองต่าง ๆ และอยู่ตามพื้นที่ชื้น อาทิเช่น ป่าดงดิบเขตร้อน มีการดำรงชีพตัวเองด้วยการดูดเลือดสัตว์ รวมถึงเลือดมนุษย์ โดยปลิงสามารถเกาะผิวเนื้อของเหยื่อ โดยที่เหยื่อไม่รู้ตัวได้นานถึง 80 – 90 วินาที ทั้งนี้ ปลิงก็เป็นสัตว์ที่มีประโยชน์ เพราะวงการแพทย์สมัยโบราณ มีการนำปลิงมาดูดพิษ ดูดเลือดเสียออกจากร่างกาย แต่ปัจจุบันแพทย์ได้นำคุณสมบัติของปลิง มาทำให้เส้นเลือดในร่างกายไม่อุดตัน เป็นต้น [4]
ในช่วงที่จังหวัดต่าง ๆ ในภาคเหนือ กำลังประสบพบเจอกับอุทกภัยน้ำท่วม แน่นอนว่า ทุกคนจะต้องมีความเป็นห่วงบ้านตัวเอง จึงเลือกจะอยู่เฝ้าบ้านไม่ห่างไปไหน แต่รู้หรือไม่ว่า อาจมี สัตว์มีพิษใกล้ตัว กำลังซุกซ่อนตัวอยู่ตามมุมอับของบ้าน ดังนั้น เราควรมีวิธีเอาตัวรอดจากสัตว์อันตราย รายละเอียดมีดังนี้
งู : เมื่อไหร่ที่คนในบ้านโดนงูกัด แนะว่าให้โทรหา 1669 หรือรีบพาตัวไปยังโรงพยาบาล อย่าลืมหยิบซากงูที่กัดไปด้วย ( ถ้ามี ) แต่หากไม่สามารถจับงูได้ แนะให้จดจำสี หรือถ่ายภาพเอาไว้ อีกทั้งอย่าให้บริเวณที่โดนกัดเคลื่อนไหวบ่อย จากนั้นให้มองหากระดาษแข็ง หรือไม้กระดานมาดามไว้ และไม่ควรขันชะเนาะเด็ดขาด ถ้าไม่รู้วิธีที่ถูกต้อง
แมงป่อง : เมื่อไหร่ที่คุณ หรือคนในบ้านโดนแมงป่องต่อย แนะให้ทำความสะอาด บริเวณที่ถูกกัดด้วยน้ำสะอาด พยายามประคบเย็นครั้งละประมาณ 10 นาที เพื่อช่วยลดอาการบวม แต่หากปวดมาก ๆ แนะให้กินยาพาราเซตามอล แต่ถ้าอาการแย่ลง เกิดปวดมากกว่าเดิม ให้รีบไปพบแพทย์ทันที
ตะขาบ : เมื่อไหร่ที่โดนตะขาบ สัตว์มีพิษใกล้ตัว กัด แนะให้ปฐมพยาบาลเบื้องต้น เช่นเดียวกันกับคนที่โดนแมงป่องต่อย แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่มีอาการแพ้ บริเวณใบหน้าบวม หายใจลำบาก แน่นหน้าอก หน้ามืด ควรพาไปพบแพทย์ทันที หรือโทร 1669
ปลิง : เมื่อไหร่ที่โดนปลิงดูดเลือด ห้ามดึงปลิงออกมาเด็ดขาด เพราะไม่งั้นจะทำให้แผลใหญ่ขึ้น เนื้อฉีกขาด และหยุดเลือดยากได้ แนะให้ใช้น้ำเกลือ หรือแอลกอฮอล์เทหยดรอบ ๆ ปากของปลิง จากนั้นให้รีบทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ พร้อมกับไปพบแพทย์ทันที
ด้วยสัตว์อันตรายมีพิษต่าง ๆ เป็นบรรดาสัตว์ที่มนุษย์ไม่ควรเข้าใกล้ หรือไม่ควรเข้าไปรุกล้ำพื้นที่ของมัน เพราะอาจจะได้รับอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้ ยิ่งช่วงบริเวณที่อยู่อาศัยเกิดฝนตกหนัก หรือมีอุทกภัยน้ำท่วม คุณจะต้องดูแลตัวเอง ดูแลบ้านเป็นพิเศษ เพื่อให้ตัวเองเจ็บตัวน้อยที่สุด