ยี่ห้ออาหารสัตว์ใหญ่ ในปัจจุบันมีให้เลือกมากมาย หลากหลายสูตร ผู้ปกครองมือใหม่หลายคน ต่างเกิดความกังวล ไม่รู้ว่าจะต้องเลือกแบบไหน บทความนี้มีวิธีการเลือกซื้อ ด้วยเกณฑ์การคัดเลือก ที่ตรงตามหลักโภชนาการ เพื่อสุขภาพที่ดีของเด็ก ๆ
การเลือกแบรนด์อาหารสัตว์ ตามหลักแล้วมีเกณฑ์ ที่เป็นคำแนะนำจากสัตวแพทย์ 4 เกณฑ์ด้วยกัน รายละเอียดดังนี้
เลือกตามช่วงวัย : ไม่ว่าจะเลี้ยงสัตว์อะไร การเลือกอาหารที่ตรงตามช่วงวัย เป็นวิธีเลือกที่ดีที่สุด เพราะอาหารสัตว์ปัจจุบันนี้นั้น ทำออกมาโดยการแบ่งหลายรูปแบบ พร้อมกับใส่สารอาหารต่าง ๆ ที่เหมาะสม
เลือกตามโรค : วิธีนี้หมายความว่า หากสัตว์เลี้ยงของคุณเป็นโรค การเลือกอาหารที่เหมาะสม กับโรคที่เพื่อนซี้เป็นอยู่ จะช่วยลดความเสี่ยง อาการแทรกซ้อนต่าง ๆ ได้ พร้อมช่วยฟื้นฟูสุขภาพไปในตัว
เลือกโภชนาการสูง : อาหารที่โภชนาการสูงนั้น คือ “ บาร์ฟ ” หรืออาหารรูปแบบดิบ ที่ทำมาจากเนื้อสัตว์ รวมถึงวัตถุดิบต่าง ๆ รูปแบบนี้ค่อนข้างเป็นที่นิยม ไม่ว่าจะในประเทศไทย หรือต่างประเทศ
เลือกแบบออร์แกนิก : รูปแบบนี้มีทั้งแบบเม็ด และแบบเปียก ซึ่งทำมาจากนวัตกรรมด้านอาหาร ที่สัตว์เลี้ยงในบ้าน ทั้งขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ สามารถกินได้
ที่มา: MAKE SEND – 4 วิธีเลือกอาหารสัตว์ให้เหมาะสมต่อสุขภาพสัตว์เลี้ยงของคุณ [1]
สำหรับแบรนด์อาหารสัตว์ หัวข้อนี้จะขอยกตัวอย่างของ ยี่ห้ออาหารสัตว์ใหญ่ อย่างสุนัข มาให้ผู้ปกครองมือใหม่ ได้ทำความรู้จัก รายละเอียดดังนี้
ที่มา: CENTRAL inspirer – “เกรดอาหารสุนัข” สำคัญแค่ไหน!? ทำไมเราต้องพิถีพิถันในเรื่องนี้ [2]
อาหารเม็ด : ควรอยู่ที่ปริมาณ 2 มื้อต่อวัน แต่ถ้าเป็นหมาพันธุ์เล็ก ควรได้รับในปริมาณ 80 – 100 กรัมต่อวัน ส่วนขนาดกลาง ควรได้รับในสัดส่วน 190 – 315 มิลลิกรัมต่อวัน ส่วนหมาขนาดใหญ่ควรได้รับที่ 335 – 460 กรัมต่อวัน
อาหารสำเร็จรูป : ระหว่างแมวกับหมา ควรให้อาหารสำเร็จรูปที่สัดส่วนต่างกัน อย่างแมวขนาดใหญ่ ควรได้รับปริมาณ 111 – 122 กรัมต่อวัน ส่วนหมาใหญ่ควรได้รับสัดส่วนที่ 1,410 – 1,945 กรัมต่อวัน
อาหารบาร์ฟ : อาหารรูปแบบนี้ ควรปรึกษาสัตวแพทย์ส่วนตัวก่อน เพราะต้องให้สัดส่วนที่เหมาะสม ต่อสายพันธุ์ รวมถึงน้ำหนักตัว
ที่มา: MAKE SEND – สัดส่วนอาหารสัตว์แบบใด ที่ถือว่าเหมาะสมต่อน้องหมาและน้องแมวของคุณ [3]
สำหรับสัตว์เลี้ยงในบ้าน ระหว่างขนาดเล็ก กับขนาดใหญ่ ต่างมีความต้องการในด้านการกิน บวกปริมาณที่แตกต่างกัน ซึ่งบางครั้งแมว หรือสุนัขไซส์เล็ก อาจจะต้องใส่ใจคัดสรร ยี่ห้ออาหารสัตว์เล็ก เป็นพิเศษ
เนื่องจากโครงสร้างของร่างกาย รวมถึงสุขภาพต่าง ๆ ซึ่งทำให้ในท้องตลาด รวมถึงช่องทางออนไลน์ ต่างมี ยี่ห้ออาหารสัตว์ใหญ่ และแบรนด์อาหารสัตว์เล็กมากมาย โดยความแตกต่างมันอยู่ที่ คุณค่าทางสารอาหาร ที่เด็ก ๆ ต่างมีความต้องการที่แตกต่างกัน และขนาดของเม็ดอาหารนั่นเอง
การให้อาหารแบบผสม คือ การผสมกันระหว่าง อาหารเม็ดกับอาหารเปียก ถ้าเป็นน้องหมา อาจจะต้องผสมในสัดส่วนอาหารเม็ด 235 กรัม ต่อปริมาณของอาหารเปียก 55 กรัม บวกการให้ขนมทานเล่น 10% หลังมื้ออาหารหลัก การทำแบบนี้ทุกวัน ช่วยให้เด็ก ๆ สนใจกินอาหารมากขึ้น
ในส่วนนี้จะเป็นค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอาหาร โดยเป็นการประมาณค่าใช้จ่าย ออกมาเป็นค่าเฉลี่ย ของเจ้าของที่เลี้ยงสุนัข ซึ่งค่าอาหารต่อเดือนจะอยู่ที่ 500 – 3,000 Baht ต่อเดือน หากเลือกแบรนด์ที่แพง
นั่นแปลว่า ค่าใช้จ่ายต่อเดือนจะเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีค่าใช้จ่ายส่วนอื่น ๆ อีก ไม่ว่าจะเป็น ค่าคำร้องขอขึ้นทะเบียน ฉบับละ 50 บาท, ค่าเครื่องหมายประจำตัวสัตว์ คิดเป็นตัวละ 300 บาท และค่าสมุดประจำตัว สมุดเล่มละ 100 บาท [4]
การเลือกแบรนด์อาหารสัตว์ ที่เหมาะสมกับสัตว์เลี้ยงของตนเอง ควรเลือกแบรนด์ที่ครอบคลุม ทุกคุณประโยชน์ที่สัตว์ต้องการ ไม่ควรจะให้น้อย หรือมากจนเกินไป เพราะหากให้น้อยไป ก็อาจจะขาดสารอาหารได้ หรือหากให้มากจนเกินไป ก็อาจเสี่ยงเป็นโรคอ้วนได้เช่นกัน