ผึ้งหลวง (Apis dorsata) เป็นผึ้งชนิดหนึ่ง ที่พบได้ในหลายพื้นที่ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทย เป็นผึ้งที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศ ไม่ว่าจะเป็นการผสมเกสรดอกไม้หรือทักษะการสร้างรัง เพราะผึ้งหลวงนั้นมีความสามารถ ในการสร้างรังที่มีขนาดใหญ่ และมักพบในที่สูง เช่น กิ่งไม้ใหญ่ หรือหน้าผา บทความนี้จะพามาสำรวจเรื่องราวของผึ้งหลวง ว่าสัตว์ตัวเล็กๆ แบบนี้ จะมีความน่าทึ่งอะไรให้เราได้ชมบ้าง
ผึ้งหลวง มีบทบาทสำคัญในการผสมเกสรดอกไม้ โดยเฉพาะในพื้นที่ป่า หรือธรรมชาติที่ห่างไกลจากชุมชน มันช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโต ของพืชพรรณต่าง ๆ ซึ่งเป็นอาหารของสัตว์หลายชนิดในห่วงโซ่อาหาร ผึ้งหลวงยังช่วยเพิ่มปริมาณ การผลิตผลไม้ และพืชอาหารอื่น ๆ ที่มนุษย์บริโภคได้ เช่น มะม่วง ทุเรียน และเงาะ
น้ำผึ้งจากผึ้งหลวง เป็นหนึ่งในน้ำผึ้งที่มีคุณภาพสูง เนื่องจากผึ้งหลวงเก็บน้ำหวาน จากดอกไม้หลากหลายชนิด ทำให้น้ำผึ้งที่ได้มีรสชาติหลากหลาย และมีคุณค่าทางโภชนาการสูง ในบางพื้นที่ของประเทศไทย การเก็บน้ำผึ้งจากรังผึ้งหลวง เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรม และวิถีชีวิตชุมชน น้ำผึ้งของผึ้งหลวง ยังเป็นที่ต้องการในตลาดสูง เนื่องจากมีคุณภาพดี และสามารถเก็บได้นาน
ผึ้งหลวงมีลักษณะ คล้ายกับผึ้งทั่วไป แต่จะมีขนาดใหญ่กว่าผึ้งชนิดอื่น ๆ เพราะจะต้องอยู่ปกคลุมรัง เพื่อทำหน้าที่ป้องกัน รังรวงผึ้งมีขนาดใหญ่ ลำตัวยาวรี เพศเมียจะมีลำตัวยาวประมาณ 17-20 มิลลิเมตร ส่วนผึ้งตัวผู้ จะเล็กกว่านิดหน่อย พวกมันมีลำตัวสีดำ แซมด้วยสีทอง และมีขนปกคลุม ที่ช่วยในการเก็บเกสรดอกไม้
ผึ้งหลวง เป็นผึ้งที่ชอบอยู่รวมกันเป็นฝูงใหญ่ พวกมันสร้างรังเดียวขนาดใหญ่ ที่ประกอบด้วยรวงเพียงรวงเดียว แต่มีขนาดใหญ่ และแข็งแรงมาก ผึ้งหลวงมีนิสัยค่อนข้างก้าวร้าว เมื่อถูกรบกวน พวกมันพร้อมจะปกป้อง รังของตัวเองอย่างดุเดือด หากมีผู้บุกรุกใกล้รัง ผึ้งจะบินเข้าโจมตีอย่างรวดเร็ว และเพราะพวกมันมีเหล็กในที่อันตราย มนุษย์จึงต้องระวังเมื่ออยู่ใกล้
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์
ที่มา: “ผึ้ง” [1]
หนึ่งในวิธีการสื่อสาร ที่โดดเด่นที่สุดของผึ้งหลวงคือ “การเต้นรำ” (Waggle dance) การเต้นนี้ เป็นการบอกข้อมูลเกี่ยวกับตำแหน่ง ของแหล่งอาหาร ที่ผึ้งงานได้พบ เมื่อผึ้งงานกลับมาที่รัง มันจะทำการเต้นรำ ในรูปแบบที่มีลักษณะเป็นวงกลม หรือเป็นรูปเลขแปด ซึ่งทิศทาง และระยะทางของแหล่งอาหาร จะถูกแสดงออกผ่านการเต้นนี้ [2]
ผึ้งหลวงยังสามารถใช้ เสียง และ การสั่นสะเทือน เพื่อสื่อสารกัน ผึ้งบางตัวจะสั่นรังหรือสร้างเสียงเฉพาะ ในสถานการณ์ที่ต้องการดึงความสนใจ จากผึ้งตัวอื่น เช่น เมื่อมีอันตรายใกล้เข้ามา หรือเมื่อถึงเวลาที่ต้องหาอาหารเพิ่มเติม เสียงสั่นสะเทือนเหล่านี้ เกิดจากการกระพือปีกอย่างรวดเร็ว หรือการกระทบกระเทือน ของร่างกายกับรวงรัง
ผึ้งหลวง เป็นสัตว์ที่มีพิษ แต่พิษของมันไม่ได้เป็นอันตรายถึงชีวิต สำหรับมนุษย์ทั่วไป แต่ยังคงเป็นสิ่งที่ควรระมัดระวัง เพราะจัดได้ว่าเป็น สัตว์มีพิษใกล้ตัว เลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะกับคนที่แพ้พิษผึ้งอย่างรุนแรง พิษของผึ้งหลวงมีส่วนประกอบ ของสารเคมีหลายชนิด เช่น Melittin ซึ่งเป็นโปรตีน ที่มีผลทำให้เกิดการระคายเคือง และ Histamine ที่ทำให้เกิดอาการปวด บวม แดง และคันในบริเวณที่ถูกต่อย นอกจากนี้ยังมีเอนไซม์บางชนิด ที่ทำลายเนื้อเยื่อ และกระตุ้นให้ร่างกายเกิดการอักเสบได้ [3]
หากถูกผึ้งหลวงต่อย ควรตั้งสติและทำตามขั้นตอน ดังต่อไปนี้
อาการเมื่อถูกผึ้งหลวงต่อย
ผึ้งหลวงมีเหล็กใน ที่สามารถต่อยและทิ้งพิษได้ เช่นเดียวกับผึ้งชนิดอื่น เช่น ผึ้งเลี้ยง (Apis mellifera) แต่สิ่งที่ทำให้ผึ้งหลวงน่ากลัวคือ มันมักจะอยู่รวมกันเป็นฝูงขนาดใหญ่ และเมื่อมีการรุกราน หรือทำให้พวกมันรู้สึกถูกคุกคาม ผึ้งหลวงสามารถโจมตีพร้อมกัน ได้หลายตัว ทำให้มีความเสี่ยงมากขึ้น ในการได้รับพิษปริมาณมาก ในระยะเวลาสั้น ๆ
ข้อควรระวัง
หากผู้ที่ถูกต่อยมีอาการแพ้รุนแรง เช่น หายใจลำบาก วิงเวียน หรือหัวใจเต้นเร็ว ควรรีบไปพบแพทย์ทันที การแพ้พิษผึ้งอย่างรุนแรงอาจทำให้เกิดอาการ แอนาฟิแล็กซิส (Anaphylaxis) ซึ่งเป็นอาการแพ้ ที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
สรุป ผึ้งหลวง เป็นผึ้งที่มีขนาดใหญ่และสร้างรังในที่สูง มันมีบทบาทสำคัญในการผสมเกสรผลิตน้ำผึ้ง และสร้างรัง การสื่อสารของผึ้งหลวงใช้การเต้นรำ ฟีโรโมน และเสียง พวกมันมีพิษที่อาจทำให้เกิดอาการปวดบวม แต่ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต ยกเว้นในกรณีที่แพ้รุนแรง การศึกษาข้อมูลของผึ้งหลวง และพิษของมัน อาจจะเป็นตัวช่วยให้เราแก้ปัญหา หรือสถานการณ์ฉุกเฉิน เมื่อโดนฝูงผึ้งหลวงต่อยได้