เผยเรื่องราว นกเทิร์นอาร์กติก นักเดินทางข้ามโลก

นกเทิร์นอาร์กติก

นกเทิร์นอาร์กติก (Sterna paradisaea) เป็นหนึ่งในนกทะเล ที่มีความโดดเด่น และมหัศจรรย์ที่สุดในโลก ด้วยความสามารถ ในการอพยพที่แสนไกล ระยะทางกว่า 70,000 กิโลเมตรต่อปี จากขั้วโลกเหนือ ไปยังขั้วโลกใต้ และกลับมายังจุดเริ่มต้นอีกครั้ง นกชนิดนี้ ถือเป็นนักเดินทาง ผู้เชื่อมโยงสองขั้วโลก เข้าด้วยกัน

 ลักษณะเด่นของ นกเทิร์นอาร์กติก

นกเทิร์นอาร์กติก มีลำตัวเพรียวบาง ขนาดยาวประมาณ 28-39 เซนติเมตร และมีน้ำหนักเฉลี่ยราว 86-127 กรัม ขนส่วนใหญ่ เป็นสีขาวสะอาด มีส่วนหัวสีดำ คล้ายหมวกที่เด่นชัด หางยาวเรียวเป็นรูปส้อม และมีปีกที่ยาว และแคบซึ่งออกแบบมา เพื่อการบินอย่างมีประสิทธิภาพ นกเทิร์นอาร์กติกเป็นนก ที่มีอายุยืนยาว โดยส่วนใหญ่มีอายุตั้งแต่ 15 ถึง 30 ปี

พวกมันมีจะงอยปาก และขาสีแดง ซึ่งเป็นลักษณะเด่น ที่ช่วยให้ง่ายต่อการจดจำ พวกมันเป็นนกทะเล ที่หากินในทะเล คล้ายกันกับ นกกิลลีมอตดำ แต่การดำน้ำจะตื้นกว่า เพื่อจับปลาขนาดเล็ก สัตว์น้ำ สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง และแพลงก์ตอน โดยจะบินโฉบลงมา จากระดับต่ำเหนือผิวน้ำ

การจำแนกประเภททางวิทยาศาสตร์

  • โดเมน : Eukaryota
  • อาณาจักร : Animalia
  • ไฟลัม : Chordata
  • ระดับ : Aves
  • คำสั่ง : วงศ์ Charadriiformes
  • ตระกูล : Laridae
  • ประเภท : Sterna  
  • สายพันธุ์ : S. paradisaea
  • ชื่อทวินาม : Sterna paradisaea

ที่มา: “Arctic tern” [1]

การอพยพที่น่าทึ่ง ของนกเทิร์นอาร์กติก

การอพยพของนกเทิร์นอาร์กติก ถือเป็นหนึ่งใน ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่น่าประทับใจที่สุดในโลก ในช่วงฤดูร้อน นกเหล่านี้ จะเดินทางไปยังขั้วโลกเหนือ เพื่อผสมพันธุ์ ซึ่งเป็นพื้นที่ ที่มีแสงแดดนานตลอดวัน จากนั้นเมื่อฤดูหนาวมาเยือน พวกมันจะอพยพ ไปยังขั้วโลกใต้ ที่แสงอาทิตย์ จะอยู่ในช่วงสูงสุดเช่นกัน [2]

เส้นทางการอพยพของพวกมัน ไม่ได้เป็นเส้นตรงเสมอไป แต่จะบินตามกระแสลม และอาหาร ทำให้บางครั้ง การเดินทางยาวนานขึ้น แต่ช่วยประหยัดพลังงาน พฤติกรรมนี้ ทำให้นกเทิร์นอาร์กติกสัมผัส กับแสงอาทิตย์มากที่สุด ในบรรดาสัตว์โลก

พฤติกรรมการผสมพันธุ์

ในช่วงฤดูร้อน ของซีกโลกเหนือ นกเทิร์นอาร์กติกจะมุ่งหน้า ไปยังพื้นที่ขั้วโลกเหนือ ซึ่งมีแสงสว่าง ยาวนานตลอดทั้งวัน สภาพแวดล้อมนี้ เหมาะสมสำหรับการผสมพันธุ์ และการเลี้ยงลูกนก โดยเริ่มจากตัวผู้ จะบินโชว์ความแข็งแกร่ง โดยการลอยตัว ในอากาศพร้อมกับปลา ที่คาบไว้ในจะงอยปาก เพื่อดึงดูดความสนใจ ของตัวเมีย

หลังจากจับคู่สำเร็จ ทั้งตัวผู้และตัวเมีย จะร่วมกันสร้างรังบนพื้นดิน ตัวเมียมักวางไข่ ครั้งละ 1-3 ฟอง ตัวผู้และตัวเมีย จะผลัดกันฟักไข่ เป็นเวลา 21-24 วัน หลังจากฟักออกมา ลูกนกจะอาศัยอยู่ในรัง และได้รับอาหารจากพ่อแม่นก ลูกนกจะเริ่มบินได้เอง ในอายุประมาณ 20-30 วัน แต่ยังคงอยู่ในความดูแลของพ่อแม่ อีกระยะหนึ่งก่อน จะพร้อมอพยพครั้งแรก

ความสำคัญของ นกเทิร์นอาร์กติก ต่อระบบนิเวศ

นกเทิร์นอาร์กติก

นกเทิร์นอาร์กติก เป็นตัวบ่งชี้ถึงสุขภาพ ของระบบนิเวศทะเล เนื่องจากพวกมัน ต้องพึ่งพาแหล่งอาหาร ที่อุดมสมบูรณ์ในมหาสมุทร การลดลงของประชากรปลา หรือผลกระทบ จากมลพิษทางทะเล อาจส่งผลกระทบ ต่อการดำรงชีวิต ของพวกมันโดยตรง

นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ส่งผลให้การละลาย ของน้ำแข็งในขั้วโลก และการเปลี่ยนแปลง ของกระแสน้ำ มีผลต่อเส้นทางการอพยพ และแหล่งอาหาร

สถานะนกเทิร์นอาร์กติก ในปัจจุบัน

นกเทิร์นอาร์กติกมีจำนวนประชากร ทั้งหมดมากกว่า 2 ล้านตัว ในปัจจุบัน ถูกจัดให้อยู่ในสถานะ ความเสี่ยงต่ำ ต่อการสูญพันธุ์ (Least Concern) ตามการประเมิน ของสหภาพนานาชาติ เพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) [3]

อย่างไรก็ตาม จำนวนประชากร ในบางพื้นที่ มีแนวโน้มลดลง เนื่องจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น การเปลี่ยนแปลง ของสภาพภูมิอากาศ มลพิษในมหาสมุทร และการขาดแหล่งที่อยู่อาศัย ที่เหมาะสม

การอนุรักษ์นกเทิร์นอาร์กติก

แม้ปัจจุบันนกเทิร์นอาร์กติก จะยังไม่จัดอยู่ในกลุ่มสัตว์ ที่ใกล้สูญพันธุ์ แต่การติดตามประชากร และปกป้องแหล่งอาศัย ของพวกมันเป็นสิ่งสำคัญ หลายองค์กรด้านสิ่งแวดล้อม ได้ทำงานร่วมกัน ใช้เทคโนโลยี เช่น เครื่องติดตาม GPS เพื่อติดตามเส้นทาง การอพยพของนก และศึกษาการเปลี่ยนแปลง ที่อาจเกิดขึ้น ในเส้นทางเหล่านั้น

รวมถึงการให้ความรู้ แก่ชุมชนในพื้นที่ ใกล้แหล่งอาศัยของนก เกี่ยวกับความสำคัญ ของนกเทิร์นอาร์กติก และบทบาทของพวกมัน ในระบบนิเวศ อาจช่วยลดการรบกวน และเพิ่มการสนับสนุนการอนุรักษ์

สรุป นกเทิร์นอาร์กติก Sterna paradisaea

สรุป นกเทิร์นอาร์กติก ไม่ได้เป็นเพียงตัวแทน ของนักเดินทางที่ยิ่งใหญ่ ในธรรมชาติ แต่ยังเป็นเครื่องเตือนใจ ถึงความงดงาม และความเปราะบางของโลกเรา การปกป้องสัตว์ชนิดนี้ และสิ่งแวดล้อม ที่พวกมันพึ่งพา ไม่เพียงช่วยให้นกชนิดนี้อยู่รอด แต่ยังเป็นการดูแลรักษา ความสมดุลของระบบนิเวศ ที่เชื่อมโยง กับชีวิตของมนุษย์ด้วย

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง