จิ้งจอก9หาง (Nine-tailed Fox) เป็นสิ่งมีชีวิตในตำนาน ที่ปรากฏในหลายวัฒนธรรมเอเชีย โดยเฉพาะในจีน ญี่ปุ่น และเกาหลี ด้วยพลังเวทมนตร์อันยิ่งใหญ่ และรูปลักษณ์ที่มีความน่าหลงใหล จิ้งจอกเก้าหาง กลายเป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิต ที่คนเล่าขานกันมายาวนาน สัตว์ตัวนี้ไม่เพียงแต่เป็นสัญลักษณ์ ของความฉลาด ความงาม และพลังอำนาจเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวแทนแห่งมายา และเสน่ห์ที่เต็มไปด้วยความลึกลับ
จิ้งจอก9หาง ในวัฒนธรรมจีน รู้จักกันในชื่อ “หูจิ้ง” (狐精) ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิต ที่มีความเชื่อมโยงกับความสามารถ ทางวิญญาณ และพลังเวทมนตร์ เหมือนกับ มังกร มักปรากฏในวรรณกรรม และตำนานจีนโบราณ เช่น ตำนาน “ซานไห่จิง” (山海经) และเรื่อง “หงส์ทองคำและจิ้งจอกเก้าหาง” จิ้งจอกในตำนานจีน สามารถแปลงร่างเป็นมนุษย์ โดยเฉพาะเป็นหญิงสาวงดงาม ที่มีความฉลาดเฉียบแหลม จิ้งจอกเก้าหางมักมีบทบาท เป็นสิ่งมีชีวิตที่หลอกลวงมนุษย์ หรือแม้แต่กลายเป็นนักล่า ที่ใช้เสน่ห์ของตนเพื่อล่อลวงผู้คน [1]
จิ้งจอกเก้าหางในตำนานจีน ยังเป็นตัวแทนของอำนาจ และอิทธิพลในราชสำนัก เช่น เรื่องเล่าของ “ต๋าจี่” (妲己) หญิงสาวผู้ถูกจิ้งจอกเก้าหางสิง และกลายเป็นคนโปรดของกษัตริย์โจ้ว (纣王) กษัตริย์องค์สุดท้าย ของราชวงศ์ซาง (商) ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นต้นเหตุ ของการล่มสลายของราชวงศ์นี้
ต๋าจี่ (妲己) เป็นตัวละครสำคัญในตำนานจีน โดยเธอเป็นหญิงสาวสวย จากตระกูลสูงศักดิ์ ที่ภายหลังถูกกล่าวหาว่าถูก “จิ้งจอกเก้าหาง” สิงร่าง ตามตำนานเรื่องเล่าจาก ราชวงศ์ซาง (商) ในยุคปลายของราชวงศ์ เธอกลายเป็นคนโปรดของ กษัตริย์โจ้ว (纣王) ซึ่งเป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายของราชวงศ์ซาง
เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อกษัตริย์โจ้ว ผู้ที่ขึ้นชื่อเรื่องความเหี้ยมโหด และความฟุ่มเฟือย ได้รับรู้ถึงความงดงามของต๋าจี่ และได้บังคับให้เธอ มาเป็นสนมในวังหลวง ต๋าจี่ซึ่งในตำนานบอกว่าถูกจิ้งจอกเก้าหางสิงร่าง มีความสามารถในการใช้เสน่ห์ และพลังเวทมนตร์ ทำให้กษัตริย์โจ้วหลงใหลในตัวเธออย่างมาก
ภายใต้การชักนำของต๋าจี่ กษัตริย์โจ้วกลายเป็นกษัตริย์ ที่โหดร้ายขึ้นกว่าเดิม เขาเริ่มละเลยภารกิจในการปกครองบ้านเมือง ใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือย และไร้ความยับยั้งชั่งใจ ต๋าจี่ถูกกล่าวหาว่า เป็นผู้ที่กระตุ้นให้กษัตริย์โจ้ว ทำเรื่องที่โหดเหี้ยมและโหดร้าย
ผลจากการที่กษัตริย์โจ้ว ปกครองด้วยความโหดร้าย และตกอยู่ในอำนาจของต๋าจี่ ประชาชนทั่วแผ่นดิน เริ่มไม่พอใจและก่อการกบฏ ในที่สุด กองทัพของ โจวอู่หวัง (周武王) แห่งราชวงศ์โจว (周) ก็ก่อการล้มล้างราชวงศ์ซาง ซึ่งส่งผลให้ราชวงศ์ซางล่มสลายไป
เมื่อกองทัพของโจวอู่หวัง บุกยึดวังหลวงได้ กษัตริย์โจ้วเลือกที่จะจุดไฟเผาตนเอง และนางสนมภายในวังหลวง เพื่อจบชีวิต ต๋าจี่จึงถูกมองว่าเป็นต้นเหตุสำคัญ ของการล่มสลายของราชวงศ์ซาง และเป็นตัวละครที่ถูกกล่าวหาว่าใช้เสน่ห์ และพลังเวทมนตร์เพื่อทำลายล้างบ้านเมือง
ที่มา: “ต๋าจี่ ตำนานสนมปีศาจจิ้งจอกล้มแผ่นดิน” [2]
ลักษณะเด่นที่สุดของจิ้งจอกเก้าหางคือ การมีหางถึง 9 หาง ซึ่งสื่อถึงพลังเวทมนตร์ และความรู้ที่พัฒนาเต็มที่ ในตำนานมักบอกว่า หางจะเพิ่มขึ้นตามอายุ และประสบการณ์ ยิ่งจิ้งจอกมีหางมากเท่าไร ก็ยิ่งมีพลัง และอำนาจมากขึ้นเท่านั้น โดยเฉพาะเมื่อมีอายุยืนยาวถึงพันปี จิ้งจอกจะมีหางครบทั้ง 9 หาง
มีความสามารถพิเศษ ในการแปลงร่างเป็นมนุษย์ ซึ่งส่วนใหญ่จะเปลี่ยนเป็นหญิงสาวงดงาม ที่มีเสน่ห์และใช้รูปลักษณ์นี้ ในการลวงล่อ หรือแทรกซึมเข้าสู่โลกของมนุษย์
จิ้งจอก9หาง ที่รู้จักหลักๆ น่าจะเป็นจิ้งจอกเก้าหาง ตำนานในวัฒนธรรมจีน แต่ตำนานเรื่องของจิ้งจอกเก้าหาง ไม่ได้มีแค่ในวัฒนธรรมจีนเท่านั้น ในวัฒนธรรมอื่นๆ เช่น ญี่ปุ่น และเกาหลี ก็มีบันทึกเรื่องเล่า ของจิ้งจอกเก้าหางไว้เช่นกัน แต่ละเรื่องราวก็จะมีเรื่องเล่าที่แตกต่างกันออกไป แต่สิ่งที่ยังเหมือนกันนั่นก็คือ ลักษณะเด่นของจิ้งจอก ที่มีเก้าหางนั้นเอง
ในตำนานญี่ปุ่น จิ้งจอกเก้าหางหรือ “คิวบิโนะคิตสึเนะ” (九尾の狐) มีบทบาทเป็นสิ่งมีชีวิต ที่ทรงพลัง และมีความสามารถในการแปลงร่าง และแทรกซึมเข้าไปในโลกของมนุษย์ สุนัขจิ้งจอก (คิตสึเนะ) ในญี่ปุ่นถือว่าเป็นสัตว์ ที่มีความเชื่อมโยงกับเทพอินาริ (稲荷神) เทพแห่งความอุดมสมบูรณ์ และเกษตรกรรม คิตสึเนะในตำนานญี่ปุ่นบางครั้งถูกมองว่าเป็นผู้พิทักษ์ แต่ในบางครั้งก็เป็นตัวแทนแห่งความชั่วร้าย ที่มาพร้อมกับการลวงหลอก
คิวบิโนะคิตสึเนะ ในเรื่องเล่าของญี่ปุ่น ยังมีบทบาทเป็นตัวแทนแห่งความซับซ้อน ของธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นการแปลงร่าง การสร้างภาพลวงตา หรือการมีชีวิตยืนยาวมากกว่ามนุษย์ โดยทั่วไปเชื่อว่าจิ้งจอก จะมีพลังมากขึ้นตามอายุ และเมื่อมันมีอายุมากถึงพันปี จะมีหางเพิ่มขึ้นจนถึงเก้าหาง ซึ่งแสดงถึงความสมบูรณ์แบบ ของพลังเวทมนตร์
ในเกาหลี จิ้งจอกเก้าหางถูกเรียกว่า “คูมีโฮ” (구미호) และปรากฏอยู่ในนิทานพื้นบ้านหลายเรื่อง คูมีโฮมักถูกกล่าวถึงในฐานะสิ่งมีชีวิต ที่สามารถแปลงร่างเป็นมนุษย์ โดยเฉพาะหญิงสาวสวย แต่ในตำนานเกาหลีส่วนมาก คูมีโฮมักมีบทบาทในด้านที่น่ากลัว เนื่องจากคูมีโฮจะล่ามนุษย์ และกินหัวใจหรืออวัยวะอื่น ๆ เพื่อรักษารูปร่างมนุษย์ของมัน [3]
อย่างไรก็ตาม คูมีโฮไม่ได้เป็นสิ่งมีชีวิต ที่ร้ายกาจเสมอไป ในบางเรื่องเล่า คูมีโฮพยายามที่จะกลายเป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์ และหาทางหลีกเลี่ยงการทำร้ายมนุษย์ การเปลี่ยนแปลงลักษณะของคูมีโฮ ในตำนานเหล่านี้ ทำให้เกิดมิติของความลึกซึ้ง ในการทำความเข้าใจธรรมชาติของจิ้งจอกเก้าหาง ในวัฒนธรรมเกาหลี
สรุป จิ้งจอก9หาง ในตำนานสะท้อนถึง ความหลากหลายทางวัฒนธรรม และความเชื่อในภูมิภาคเอเชีย ไม่ว่าจะเป็นบทบาทของมัน ในฐานะผู้พิทักษ์ ผู้ล่อลวง หรือผู้แสวงหาการกลายเป็นมนุษย์ จิ้งจอกเก้าหางยังคงเป็นตัวแทน ของพลังเวทมนตร์ ความเจ้าเล่ห์ และความงดงามที่ยังมีการเล่าสืบต่อกันมา ในตำนานและวัฒนธรรมต่าง ๆ