ความพิเศษของ งูเหลือมสีเผือก ความงามของงูในธรรมชาติ

งูเหลือมสีเผือก

งูเหลือมสีเผือก (Albino Burmese Python) เป็นหนึ่งในสายพันธุ์งูเหลือม ที่ได้รับความสนใจมาก ในวงการสัตว์เลี้ยง และการศึกษาทางธรรมชาติ งูเหลือมสีเผือกมีความพิเศษ ทั้งในด้านลักษณะภายนอก และพันธุกรรม ทำให้มันโดดเด่นและมีความแตกต่าง จากงูเหลือมทั่วไป บทความนี้จะพาไปไขความลับ ที่มาของสีเผือกที่สะดุดตานี้ ว่าจะน่าสนใจแค่ไหนกันบ้าง

ลักษณะพิเศษของ งูเหลือมสีเผือก

งูเหลือมสีเผือก มีลักษณะเด่น ที่ทำให้จำแนกได้ชัดเจน คือสีที่ขาวอมเหลือง แทนที่จะเป็นสีน้ำตาลตามปกติ โดยสีเผือกนี้เกิดจากภาวะที่เรียกว่า “ภาวะเผือก” (Albinism) ซึ่งทำให้ร่างกายของงู ไม่สามารถสร้างเมลานินได้ หรือสร้างได้น้อยมาก ส่งผลให้สีที่ปรากฏบนตัวงู เป็นสีขาวหรือเหลืองซีด รวมถึงมีดวงตาสีแดง หรือชมพู เนื่องจากการขาดเม็ดสีในม่านตา [1]

การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์

  • โดเมน : ยูแคริโอต Eukaryota
  • อาณาจักร : สัตว์ Animalia
  • ไฟลัม : สัตว์มีแกนสันหลัง Chordata
  • ชั้น: สัตว์เลื้อยคลาน Reptilia
  • อันดับ : กิ้งก่าและงู Squamata
  • อันดับย่อย : Serpentes Serpentes
  • วงศ์ : วงศ์งูเหลือม Pythonidae
  • สกุล : Malayopython
  • สปีชีส์ : Malayopython reticulatus
  • ชื่อทวินาม : Malayopython reticulatus

ที่มา: “งูเหลือม” [2]

พฤติกรรมและถิ่นอาศัย

งูเหลือมสีเผือกมีลักษณะพฤติกรรม ที่ไม่ต่างจากงูเหลือมพันธุ์อื่น ๆ โดยส่วนใหญ่จะมีนิสัยค่อนข้างสงบ จัดอยู่ในกลุ่ม งูไม่มีพิษ ออกหากินในช่วงเวลากลางคืน และอาศัยอยู่ตามพื้นดินหรือในป่าชื้น งูเหลือมเป็นสัตว์กินเนื้อ โดยกินอาหารประเภทนก หนู และสัตว์เล็กอื่น ๆ แม้กระทั่งสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ที่มีขนาดเล็ก ถึงขนาดกลาง

สำหรับถิ่นอาศัยนั้น งูเหลือมสีเผือกพบได้น้อยในธรรมชาติ เนื่องจากสีสันที่เด่นชัด ทำให้งูเหลือมสีเผือกเสี่ยงต่อการถูกล่า ได้ง่ายกว่างูเหลือมสีปกติ อย่างไรก็ตาม งูเหลือมสีเผือกมีการเพาะเลี้ยงโดยมนุษย์ ในฐานะสัตว์เลี้ยง และสัตว์เพื่อการศึกษา ทำให้พบได้ในสวนสัตว์ หรือในสถานที่เลี้ยงสัตว์เลื้อยคลานอื่น ๆ

การเพาะพันธุ์และ ความสำคัญในเชิงอนุรักษ์

การเพาะพันธุ์งูเหลือมสีเผือก ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ในปัจจุบัน เนื่องจากความสวยงาม และความแปลกใหม่ ของสีสันที่ดึงดูด นักเลี้ยงสัตว์เลื้อยคลาน นอกจากนี้ การเพาะพันธุ์งูเผือกยังมีความสำคัญ ในการศึกษาทางพันธุกรรม โดยการเพาะพันธุ์งูเผือก ที่มีลักษณะพิเศษนี้ต้องอาศัยพ่อแม่ ที่มียีนเผือกหรือมียีนกลายพันธุ์ จึงสามารถผลิตลูกงู ที่มีลักษณะสีเผือกได้

แม้ว่าภาวะเผือก จะเป็นลักษณะที่ทำให้สัตว์ มีความเสี่ยงสูง ในการดำรงชีวิตในธรรมชาติ แต่ก็ช่วยกระตุ้นความสนใจ ในการอนุรักษ์และการศึกษา เกี่ยวกับสัตว์เลื้อยคลานมากขึ้น งูเหลือมสีเผือกได้รับการจัดแสดง ในสวนสัตว์หลายแห่ง เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชน เกี่ยวกับพันธุกรรมของสัตว์ และการอนุรักษ์สัตว์เลื้อยคลาน รวมถึงเป็นการส่งเสริม ให้ประชาชนเห็นความสำคัญ ในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ

งูเหลือมสีเผือก ในฐานะสัตว์เลี้ยง

งูเหลือมสีเผือก

งูเหลือมสีเผือก การเลี้ยงงูชนิดนี้ เป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยม ในหมู่คนรักสัตว์เลื้อยคลาน เพราะนอกจากสีสันที่สวยงาม ของงูเผือกแล้ว งูเหลือมยังมีลักษณะนิสัยที่สงบ ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบใน สัตว์เลี้ยงสุดแปลก อย่างไรก็ตาม การเลี้ยงงูเหลือมเผือก จำเป็นต้องมีการเตรียมการที่เหมาะสม เพื่อให้มันมีสุขภาพดี และเจริญเติบโตในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม จะเป็นผลดีทั้งตัวสัตว์เลี้ยง และผู้เลี้ยงเอง

การจัดเตรียมที่อยู่อาศัย

  • ตู้หรือกรง : ควรเตรียมตู้กระจกที่มีขนาดใหญ่ เพียงพอสำหรับงูเหลือม ที่สามารถเติบโตได้ยาวกว่า 3 เมตร เมื่อโตเต็มวัย โดยขนาดของตู้ควรมีความยาวประมาณ 1.5-2 เท่าของขนาดงูในขณะนั้น ตู้ต้องมีฝาปิดแน่นหนา เพื่อป้องกันการหลบหนี
  • ความชื้นและอุณหภูมิ : งูเหลือมชอบสภาพแวดล้อมที่อบอุ่น ควรควบคุมอุณหภูมิให้อยู่ที่ 28-33 องศาเซลเซียสในช่วงกลางวัน และลดลงเล็กน้อยในช่วงกลางคืน โดยอาจใช้แผ่นทำความร้อนใต้กรง หลอดไฟให้ความร้อน หรือตัวควบคุมความร้อน เพื่อรักษาอุณหภูมิ ส่วนความชื้นควรอยู่ที่ประมาณ 50-60% หากความชื้นในพื้นที่เลี้ยงต่ำเกินไป ให้ฉีดพ่นน้ำเล็กน้อยในตู้เลี้ยง เพื่อเพิ่มความชื้น [3]
  • ที่หลบซ่อน และพื้นที่ปีนป่าย : ควรมีที่หลบซ่อนเช่น กล่อง หรือที่พักหลบเงียบ ๆ เพราะงูเป็นสัตว์ที่ชอบพื้นที่หลบภัย นอกจากนี้ งูเหลือมยังชอบปีนป่ายบ้าง จึงควรมีกิ่งไม้หรือท่อนไม้ ให้ปีนเล่นตามธรรมชาติของมัน

การให้อาหาร

  • ประเภทอาหาร : งูเหลือมกินเนื้อสัตว์ เช่น หนู ไก่ หรือกระต่ายขนาดเล็ก ควรเลือกอาหารสด หรือแช่แข็งแล้วละลายก่อนให้ ควรหลีกเลี่ยงการให้อาหาร เป็นสิ่งที่ยังมีชีวิต เพราะอาจทำให้งูได้รับบาดเจ็บ
  • ความถี่ในการให้อาหาร : งูเหลือมสามารถกินอาหารได้ เพียงสัปดาห์ละครั้ง หรือสองสัปดาห์ต่อครั้ง ขึ้นอยู่กับขนาดของงู และอาหารที่ให้ งูที่ขนาดใหญ่ขึ้น จะมีการเผาผลาญอาหารช้าลง จึงสามารถเว้นระยะ การให้อาหารได้ยาวนานขึ้น

การดูแลสุขภาพและความสะอาด

  • การทำความสะอาดตู้เลี้ยง : ควรทำความสะอาดตู้ และอุปกรณ์ต่าง ๆ เป็นประจำ เพื่อป้องกันการสะสมของเชื้อโรค ทำความสะอาดจุดที่มีสิ่งปฏิกูล และเปลี่ยนน้ำในชามน้ำทุกวัน
  • การตรวจสุขภาพ : ควรสังเกตสุขภาพของงูอยู่เสมอ หากพบว่างูมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป เช่น งูไม่กินอาหาร หายใจเสียงดัง หรือตามตัวมีรอยแผล ควรพาไปพบสัตวแพทย์เฉพาะทาง เพื่อรับการรักษา

ข้อควรระวัง

  • การปฏิบัติด้วยความระมัดระวัง : แม้งูเหลือมสีเผือกจะเป็นงูที่สงบ และไม่ค่อยก้าวร้าว แต่ก็ควรระมัดระวังในการจับเล่น โดยเฉพาะเมื่องูอยู่ในช่วงกินอาหาร หรือเพิ่งกินอาหารใหม่ ๆ
  • การหลีกเลี่ยงการเลี้ยงร่วมกับสัตว์อื่น : งูเหลือมเป็นสัตว์กินเนื้อ การเลี้ยงรวมกับสัตว์ขนาดเล็ก เช่น หนู กระรอก หรือแม้กระทั่งสัตว์เลื้อยคลานชนิดอื่น ๆ อาจทำให้เกิดอันตรายต่อสัตว์เหล่านั้น

สรุป งูเหลือมสีเผือก Albino Burmese Python

สรุป งูเหลือมสีเผือก เป็นสัตว์ที่มีความพิเศษ และดึงดูดความสนใจ ด้วยสีสันที่แตกต่าง และลักษณะโดดเด่นเฉพาะทางพันธุกรรม การเพาะพันธุ์ และการศึกษางูเหลือมสีเผือก ช่วยเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับการอนุรักษ์สัตว์ป่า ที่เหมาะสม อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในสัตว์ ที่น่าสนใจทั้งในเชิงอนุรักษ์ และเป็นสัตว์เลี้ยงที่ไม่เหมือนใคร การศึกษาความรู้ และความเข้าใจ เรื่องของงูเหลือมก่อนเลี้ยง จะทำให้การเลี้ยงเป็นไปด้วยดี และมีประสิทธิภาพ

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง