งูมีพิษ อันตรายที่ไม่ควรมองข้าม

งูมีพิษ

งูมีพิษ เป็นหนึ่งในนักล่า ที่หลายคนอาจจะมองว่าน่ากลัว ด้วยเขี้ยวแหลมคม และพิษที่สามารถสยบเหยื่อได้ในพริบตา แต่งูที่มีพิษไม่ได้เป็นเพียง ภัยคุกคามต่อมนุษย์เท่านั้น แต่ยังมีบทบาทสำคัญ ในระบบนิเวศ ช่วยรักษาสมดุลของห่วงโซ่อาหาร การที่งูเหล่านี้ปรากฏตัวในธรรมชาติ บ่งบอกว่าสภาพแวดล้อมนั้น ยังคงอุดมสมบูรณ์ งูมีพิษจึงกลายเป็นส่วนหนึ่ง ของธรรมชาติที่ควรค่า แก่การปกป้องมากกว่าการกำจัด

ความหมายของ งูมีพิษ

งูมีพิษ คือสัตว์เลื้อยคลาน ที่สามารถผลิตสารพิษ และใช้เขี้ยวฉีดพิษ เข้าสู่ร่างกายของเหยื่อหรือศัตรู พิษของงูมีหน้าที่หลัก ในการช่วยงูล่าเหยื่อ ป้องกันตัวจากศัตรู และสามารถมีผลกระทบ หลายอย่างต่อร่างกายของเหยื่อ ไม่ว่าจะเป็นระบบประสาท ระบบเลือด หรือระบบกล้ามเนื้อ ก่อให้เกิดอาการตั้งแต่ ปวดแสบปวดร้อน ไปจนถึงเสียชีวิตในกรณีที่ได้รับพิษปริมาณมาก แต่อย่างไรก็ตาม งูมีพิษส่วนมากจะไม่โจมตีมนุษย์ โดยไม่จำเป็น ยกเว้นเมื่อรู้สึกถูกคุกคาม

ประเภทของพิษงู

พิษงูสามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภท ซึ่งแต่ละชนิดมีผลต่อร่างกาย ที่แตกต่างกัน ดังนี้

  • พิษต่อระบบประสาท (Neurotoxic venom) : พิษชนิดนี้ส่งผลต่อระบบประสาท ทำให้เหยื่อเกิดภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือเป็นอัมพาต ในกรณีที่รุนแรงอาจทำให้ระบบหายใจล้มเหลวได้พิษต่อ
  • ระบบเลือด (Hemotoxic venom) : พิษชนิดนี้ทำลายเซลล์เม็ดเลือดแดง และทำให้เลือดไม่แข็งตัว ส่งผลให้เกิดภาวะเลือดออกภายใน ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
  • พิษต่อเนื้อเยื่อ (Cytotoxic venom) : พิษชนิดนี้ จะทำลายเซลล์เนื้อเยื่อโดยตรง ทำให้เกิดการเน่าเปื่อย หรือแผลลึกที่บริเวณถูกกัด

ที่มา: “งูพิษในประเทศไทย” [1]

การทำงานของพิษงู

พิษงูทำงานด้วยการ ฉีดเข้าสู่ร่างกายของเหยื่อ ผ่านทางเขี้ยวที่มีรูพิเศษ สำหรับส่งพิษ พิษจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด ทำลายเซลล์เม็ดเลือด หลอดเลือด รวมถึงเนื้อเยื่อที่เกี่ยวข้อง และแพร่กระจาย ไปทั่วร่างกายของเหยื่อ ส่งผลให้เกิดอาการต่างๆ ตามประเภทของพิษที่ได้รับ เช่น ความเจ็บปวดอย่างรุนแรง อัมพาต หรือเลือดออกมาก [2]

บทบาทสำคัญของ งูมีพิษ ในระบบนิเวศ

งูมีพิษ

งูมีพิษ เป็นองค์ประกอบสำคัญ ที่ช่วยรักษาสมดุลของระบบนิเวศ แม้ว่าจะดูน่ากลัว สำหรับมนุษย์ แต่งูมีพิษมีหน้าที่หลากหลาย ที่ส่งผลดีต่อห่วงโซ่อาหาร บทบาทสำคัญของงูมีพิษ ที่มีต่อระบบนิเวศหลักๆ คือ

  1. ควบคุมประชากรสัตว์ฟันแทะ และสัตว์ขนาดเล็ก
    หนูและสัตว์ฟันแทะ เป็นแหล่งแพร่เชื้อโรค และอาจทำลายพืชผล ทางการเกษตร หากไม่มีงูเป็นนักล่าตามธรรมชาติ ประชากรของสัตว์เหล่านี้ อาจเพิ่มขึ้นจนกลายเป็นปัญหา
  2. รักษาความสมดุลของห่วงโซ่อาหาร
    งูมีพิษทำหน้าที่เป็นผู้ล่า ในระดับกลาง ช่วยควบคุมประชากรสัตว์ ที่อาจเพิ่มขึ้นเกินควร เช่น กบ นกเล็ก และแมลงบางชนิด นอกจากเป็นผู้ล่าแล้ว งูยังเป็นเหยื่อของนักล่าขนาดใหญ่ เช่น นกอินทรี เหยี่ยว เสือ และมนุษย์ สิ่งนี้ช่วยให้ห่วงโซ่อาหาร มีความสมดุล โดยไม่มีชนิดใดมีจำนวนมากเกินไป
  3. บอกถึงดัชนีสุขภาพระบบนิเวศ
    การมีอยู่ของงู โดยเฉพาะงูมีพิษ บ่งชี้ว่าระบบนิเวศนั้นยังคงอุดมสมบูรณ์ งูต้องการสภาพแวดล้อม ที่มีเหยื่อเพียงพอ และปราศจากมลภาวะ
    หากงูหายไปจากระบบนิเวศ แสดงถึงการเสียสมดุล หรือเกิดความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้สารเคมีที่เกินขนาด

 งูมีพิษที่พบได้บ่อย

งูเห่า (Cobra)

  • งูเห่าเป็นหนึ่งในงูมีพิษ ที่คนส่วนใหญ่รู้จัก มีพิษที่เป็นอันตรายต่อระบบประสาท ทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อเป็นอัมพาต ซึ่งถ้าพิษเข้าสู่ระบบหายใจ อาจทำให้เสียชีวิตได้ งูเห่ามีลักษณะเด่น ที่สามารถยกส่วนคอขึ้น และแผ่แม่เบี้ยเพื่อขู่ศัตรู [3]

งูแมวเซา (Russell’s Viper)

  • งูแมวเซา เป็นงูพิษที่พบได้บ่อยในเอเชียใต้ มีพิษที่ส่งผลต่อเลือด ทำให้เลือดไม่สามารถแข็งตัวได้ ส่งผลให้เกิดภาวะเลือดออกภายใน งูแมวเซายังเป็นสาเหตุการตาย จากการถูกงูกัดที่สูง ในหลายประเทศในภูมิภาคนี้

งูหางกระดิ่ง (Rattlesnake)

  • งูหางกระดิ่ง เป็นงูที่พบในทวีปอเมริกาเหนือ มีพิษที่สามารถทำลายเนื้อเยื่อ และเซลล์ต่างๆ ของร่างกาย พิษของงูหางกระดิ่ง จะส่งผลต่อระบบเลือด และทำให้เกิดภาวะเลือดออก หรือการเน่าเปื่อยของเนื้อเยื่ออย่างรุนแรง

งูทะเล (Sea Snake)

  • งูทะเล เป็นงูที่อาศัยอยู่ในทะเล และมีพิษรุนแรงต่อระบบประสาท แม้งูทะเลจะไม่ก้าวร้าว แต่พิษของมัน มีความเข้มข้นสูง พิษสามารถทำให้กล้ามเนื้อ และระบบหายใจล้มเหลวได้อย่างรวดเร็ว

วิธีรักษาเบื้องต้นเมื่อถูกงูกัด

งูถือว่าเป็น สัตว์มีพิษใกล้ตัว อีกชนิดหนึ่งที่ควรระวัง การถูกงูกัดอาจเป็นสถานการณ์ที่น่ากลัว แต่การรักษาที่ถูกต้อง และรวดเร็วสามารถช่วยลดอันตรายได้มาก การรู้จักวิธีป้องกัน และรับมือเมื่อถูกงูกัด เป็นสิ่งสำคัญในการลดความเสี่ยงต่อชีวิต

ขั้นตอนการรักษาเบื้องต้น

  • นิ่งและสงบสติอารมณ์ : พยายามอย่าเคลื่อนไหวมาก เพราะการเคลื่อนไหว จะทำให้พิษแพร่กระจายเร็วขึ้น
  • จำงูที่กัดให้ได้ : หากเป็นไปได้ ควรพยายามจดจำลักษณะของงู เพื่อให้ข้อมูลกับแพทย์
  • ทำแผลเบื้องต้น : ใช้ผ้าพันแผล หรืออุปกรณ์ที่มีเพื่อห้ามเลือด และควรพยายามพันผ้าพันแผลให้ห่าง จากแผลที่ถูกกัดเล็กน้อย เพื่อไม่ให้พิษแพร่กระจาย
  • อย่าดูดพิษออก หรือกรีดแผล: วิธีนี้ไม่เพียงแต่ไม่ได้ผล แต่ยังอาจทำให้แผลติดเชื้อได้ง่ายขึ้น
  • รีบไปโรงพยาบาล : การรักษาโดยใช้เซรุ่มต้านพิษ เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ในการรักษาพิษงู

สรุป งูมีพิษ venomous snake

สรุป งูมีพิษ ไม่ได้เป็นเพียงสัตว์อันตราย แต่เป็นฟันเฟืองสำคัญ ของระบบนิเวศ พวกมันช่วยควบคุมประชากรสัตว์เล็ก ลดการแพร่ระบาดของโรค และเป็นตัวชี้วัดถึงความอุดมสมบูรณ์ ของธรรมชาติ ความเข้าใจผิด และความกลัวทำให้งูถูกล่า และกำจัดในหลายพื้นที่ ดังนั้น การส่งเสริมความรู้ เกี่ยวกับงูมีพิษและการอยู่ร่วมกันอย่างปลอดภัย จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ธรรมชาติและมนุษย์ สามารถอยู่ร่วมกันได้ อย่างสมดุลและยั่งยืน

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง