การสื่อสารด้วยท่าทาง เป็นการสื่อสารอีกอย่างหนึ่งของสัตว์ ในธรรมชาติ สัตว์ไม่เพียงแค่สื่อสารกันด้วยเสียงเท่านั้น แต่ยังใช้ท่าทาง หรือการเคลื่อนไหวของร่างกาย เป็นภาษากายในการสื่อสารอีกด้วย การสื่อสารด้วยท่าทางนี้ มีความสำคัญในสัตว์หลายชนิด เพราะสามารถส่งผ่านข้อมูลต่างๆ โดยไม่ต้องใช้เสียง ทำให้ลดความเสี่ยง ที่จะดึงดูดผู้ล่า หรือศัตรู และยังสามารถช่วยให้สัตว์สื่อสารกัน ในด้านต่างๆได้
การสื่อสารด้วยท่าทาง มีบทบาทสำคัญ ในการดำรงชีวิตของสัตว์ เนื่องจากเป็นการสื่อสารที่ไม่ต้องใช้เสียง ซึ่งมีประโยชน์ในหลายสถานการณ์ อย่างเช่น เมื่อสัตว์ต้องการสื่อสารแบบเงียบ ๆ เพื่อไม่ดึงดูดความสนใจจากผู้ล่า นอกจากนี้ ท่าทางยังช่วยให้สัตว์ สามารถเข้าใจอารมณ์ของกันและกันได้อย่างชัดเจน เช่น การแสดงออกถึงความกลัว ความสงสัย หรือความต้องการที่จะเข้าหากัน
ท่าทางที่สัตว์แสดงออกมานั้น มีความหมายหลากหลาย ขึ้นอยู่กับชนิดของสัตว์และวัตถุประสงค์ ในการสื่อสาร ตัวอย่างเช่น สุนัขที่กระดิกหาง มักแสดงออกถึงความดีใจ หรือความเป็นมิตร แต่ถ้ามันหมอบหาง และทำตัวเล็กแสดงถึงความกลัว และการยอมรับ ในทางกลับกัน งูที่แผ่แม่เบี้ย เป็นการแสดงถึงการป้องกันตัว และเตือนศัตรูให้ถอยห่าง [1]
ท่าทางต่าง ๆ ที่สัตว์แสดงออก จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่การเคลื่อนไหวธรรมดา แต่เป็นภาษาที่ซับซ้อน ที่ช่วยให้สัตว์สื่อสารกัน ในแบบที่ไม่ต้องพึ่งพาเสียง การสื่อสารผ่านท่าทางยังช่วยลดความขัดแย้ง ในกลุ่มสัตว์เอง โดยเฉพาะ ในสัตว์ที่มีสังคมเป็นกลุ่มใหญ่ การแสดงออกถึงสถานะทางสังคม ของสมาชิกในกลุ่ม ผ่านท่าทางเป็นการสร้างความเข้าใจ และลดความรุนแรงในการแย่งชิงอำนาจ
สัตว์ใช้ท่าทาง ในการสื่อสารในสถานการณ์ ที่แตกต่างกันอย่างมาก ในสถานการณ์ที่ต้องเผชิญหน้ากับผู้ล่า เช่น ลิงจะทำท่าหมอบ เพื่อบอกให้ผู้ล่าทราบว่า ตนเองไม่เป็นอันตรายหรือไม่ต้องการต่อสู้ ขณะที่งูจะยกหัวขึ้น เพื่อเตือนว่าอย่าเข้ามาใกล้ นอกจากนี้ ในช่วงเวลาที่ต้องการหาคู่ สัตว์หลายชนิด จะใช้ท่าทางในการดึงดูดความสนใจ อย่างเช่น นกยูงที่กางหางเพื่อแสดงความงาม และความแข็งแรงให้ตัวเมียเห็น ท่าทางเหล่านี้ ไม่เพียงแค่บอกถึงความพร้อมในการผสมพันธุ์ แต่ยังแสดงถึง สุขภาพที่ดีของตัวผู้ด้วย
การสื่อสารด้วยท่าทาง มีความหลากหลายมาก ในสัตว์แต่ละประเภท ซึ่งมีการปรับตัวให้เหมาะสม กับลักษณะทางกายภาพ และสิ่งแวดล้อมของสัตว์ แต่ละชนิด ในส่วนนี้จะยกตัวอย่าง การสื่อสารด้วยท่าทางในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม สัตว์เลื้อยคลาน และสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ ว่าการแสดงท่าทางนั้นมีอะไรบ้าง และสื่อถึงอะไร
สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เป็นกลุ่มสัตว์ที่ใช้ท่าทาง ในการสื่อสารค่อนข้างมาก เนื่องจากหลายชนิด มีสังคมที่ซับซ้อน ตัวอย่างเช่น สุนัข ซึ่งเป็นสัตว์ที่คนเราคุ้นเคยดี สุนัขใช้ท่าทางของหาง หู และท่าทางของร่างกาย ในการแสดงอารมณ์ และความรู้สึก อย่างเช่น ถ้าสุนัขกระดิกหางชี้ตรง หมายความว่า มันกำลังดีใจและอยากเข้าหา แต่ถ้าหากมันหมอบต่ำ และหางอยู่ระหว่างขา นั่นแสดงว่ามันกลัว หรือตื่นตระหนก
ลิง ก็เป็นสัตว์ที่ใช้ท่าทาง ในการสื่อสารกันอย่างแพร่หลาย ในกลุ่มลิงใหญ่ เช่น ลิงชิมแปนซี พวกมันใช้การแตะ หรือการกอดกัน เพื่อแสดงความเป็นมิตร และใช้การก้มหัว หรือหมอบ เพื่อแสดงความยอมรับ ในลำดับชั้นทางสังคมของกลุ่ม นอกจากนี้ ลิงบางชนิดยังใช้การแสดงท่าทาง เพื่อเตือนภัยให้กับกลุ่ม ในกรณีที่มีผู้ล่า หรืออันตรายเข้ามาใกล้
แมว หนึ่งในสัตว์ที่แสดงท่าทาง เพื่อสื่อสารได้ดีมากๆ เช่น หางกระดิกเบา ๆ เพื่อแสดงอาการตื่นเต้นหรือตื่นตัว แต่หากกระดิกหางแรง ๆ อาจแสดงถึงความหงุดหงิด หรือไม่พอใจ หางชี้ลงและฟู คือสัญญาณของการป้องกันตัว แมวกำลังรู้สึกกลัวหรือโกรธ และพร้อมที่จะโจมตี หรือแม้กระทั่งนอนคว่ำ และโชว์ท้อง แมวที่นอนเปิดท้อง มักแสดงถึงความไว้ใจ เพราะท้อง เป็นส่วนที่อ่อนแอที่สุดของแมว การแสดงท้องให้เห็น จึงเป็นการบอกว่าแมวรู้สึกปลอดภัย [2]
สัตว์เลื้อยคลาน และสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ แม้จะไม่ได้ใช้เสียงมาก ในการสื่อสาร แต่ก็มีการแสดงออก ผ่านท่าทางอย่างชัดเจน ตัวอย่างเช่น งูเห่า ที่แผ่แม่เบี้ยเป็นสัญญาณ บอกเตือนผู้ล่าให้ออกห่าง การแสดงท่าทางนี้ช่วยให้ศัตรู รับรู้ถึงความอันตรายของงู และลดความเสี่ยง ที่จะเกิดการเผชิญหน้า ที่อาจนำไปสู่การบาดเจ็บ
ในส่วนของสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ เช่น กบ ไม่ได้ใช้ การสื่อสารด้วยเสียง เพียงอย่างเดียวแต่ยังใช้การเคลื่อนไหวของร่างกาย ในการดึงดูดคู่ในช่วงฤดูผสมพันธุ์ กบตัวผู้จะขยายถุงลมที่คอ เพื่อทำเสียงเรียกตัวเมีย แต่นอกเหนือจากเสียง กบยังใช้การกระโดด หรือการเคลื่อนไหวร่างกาย เพื่อแสดงออกถึงความแข็งแรง และความพร้อม ในการผสมพันธุ์อีกด้วย
กิ้งก่า กิ้งก่ามักใช้ท่าทาง ในการสื่อสารเพื่อแสดงอำนาจ หรือป้องกันตัว การกางแผ่นหนังที่คอ (ในบางชนิดเช่น กิ้งก่าคอพอง) เป็นวิธีการที่ใช้เพื่อข่มขู่ศัตรู หรือคู่แข่ง การแสดงท่าทางนี้ ช่วยให้ตัวมันดูใหญ่ขึ้น และแข็งแกร่งมากขึ้น กิ้งก่าเปลี่ยนสี ก็เป็นอีกหนึ่งการสื่อสาร โดยการใช้การเปลี่ยนสีของผิวหนังเพื่อสื่อสาร แสดงถึงอารมณ์ต่าง ๆ เช่น ความกลัว ความโกรธ หรือการเตรียมพร้อมในการโจมตี นอกจากนี้ยังใช้ในการดึงดูดเพศตรงข้ามด้วย [3]
สรุป การสื่อสารด้วยท่าทาง ในสัตว์เป็นส่วนสำคัญในการดำรงชีวิต เพราะช่วยให้สัตว์สามารถ ส่งผ่านข้อมูล และความรู้สึกได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาเสียงเพียงอย่างเดียว ท่าทางเหล่านี้ ไม่เพียงแต่ช่วยให้สัตว์สื่อสารกันได้ ในสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างเช่น การป้องกันตัว การหาคู่ หรือการแสดงอำนาจ แต่ยังช่วยสร้างความสัมพันธ์ ที่แน่นแฟ้นในกลุ่มสัตว์อีกด้วย