กระรอกบินไซบีเรีย เป็นหนึ่งในสัตว์ที่น่ารัก และน่าทึ่งแห่งโลกธรรมชาติ ซึ่งพบได้ในป่าเขตหนาว ของทวีปเอเชีย และยุโรป โดยเฉพาะในไซบีเรีย ฟินแลนด์ และบางพื้นที่ในเกาหลี กระรอกบินไซบีเรียมีลักษณะพิเศษ ที่ทำให้มันสามารถ “บิน” หรือที่เรียกว่า ร่อน จากต้นไม้หนึ่ง ไปยังอีกต้นหนึ่งได้ ซึ่งกลไกนี้ เกิดจากพังผืดที่อยู่ระหว่างขาทั้งสี่ โดยกระรอกสายพันธุ์นี้ เป็นหนึ่งในสัตว์ที่ปรับตัว ให้เข้ากับสภาพแวดล้อม อันท้าทายได้อย่างน่าทึ่ง
กระรอกบินไซบีเรีย แม้ว่าไม่สามารถบินได้ แบบนก หรือค้างคาว แต่การร่อนของมัน ถือว่าเป็นความสามารถพิเศษ ที่สร้างความน่าทึ่ง ให้แก่นักธรรมชาติวิทยา กระรอกนี้จะใช้พังผืด (patagium) ซึ่งขึงอยู่ระหว่างขาหน้า และขาหลังทั้งสองข้าง เมื่อต้องการร่อนจากต้นไม้หนึ่ง ไปยังอีกต้นหนึ่ง
กระรอกจะกระโดดจากที่สูง แล้วกางพังผืดออก เพื่อช่วยพยุงตัว ให้ลอยตัวในอากาศ ได้นานขึ้น โดยการควบคุมทิศทางการร่อน จะอาศัยหางที่แบนกว้าง เป็นตัวช่วยเสริม ให้บังคับทิศทางได้แม่นยำ และปลอดภัยจากนักล่า ที่อาจรออยู่บนพื้นดิน
ที่มา: “มารู้จักกระรอกบินกันเถอะ” [1]
กระรอกบินไซบีเรียเป็นสัตว์ขนาดเล็ก น้ำหนักประมาณ 150 กรัม ขนาดตัวเฉลี่ยยาวประมาณ 13-20 เซนติเมตร โดยไม่รวมความยาวของหาง ที่ยาวราว 9-14 เซนติเมตร หางของมันมีลักษณะแบน และมีขนหนาแน่น ซึ่งทำหน้าที่ ช่วยในการควบคุมทิศทาง ขณะร่อนอยู่กลางอากาศ
ขนที่คลุมทั่วตัวของกระรอก เป็นสีเทาอ่อน และนุ่มฟู ช่วยให้ความอบอุ่น ในสภาพอากาศที่หนาวเย็นจัด โดยเฉพาะในภูมิภาคไซบีเรีย ที่อุณหภูมิต่ำมาก ในช่วงฤดูหนาว ขนฟูนี้ยังช่วยพรางตัว จากนักล่าทั้งบนดิน และบนต้นไม้ได้ดี
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์
ที่มา: “กระรอกบินไซบีเรีย” [2]
กระรอกบินไซบีเรียเป็นสัตว์ ที่ออกหากินในเวลากลางคืน (nocturnal) อาหารหลักของมันคือเมล็ดพืช ถั่ว เปลือกไม้ และใบไม้ นอกจากนี้ ยังอาจกินแมลงบ้างเล็กน้อย ในช่วงที่แหล่งอาหารจำกัด การอาศัยอยู่ในเขตหนาว จึงมีทรัพยากรอาหารน้อย กระรอกบินไซบีเรียจึงมีการสะสม ไขมันในร่างกาย เพื่อให้สามารถดำรงชีวิตได้ และในบางกรณี อาจหยุดพักชั่วคราว (torpor) ซึ่งคล้ายการจำศีล เพื่อประหยัดพลังงาน [3]
กระรอกชนิดนี้ อาศัยอยู่ในป่าหนาว ที่มีต้นไม้สูงและหนาทึบ ในภูมิภาคเอเชีย และยุโรปเหนือ โดยพบมากใน ไซบีเรีย (รัสเซียตอนเหนือและตะวันออก), ฟินแลนด์, เอสโตเนีย, ลัตเวีย, และบางพื้นที่ใน เกาหลีและ จีน พื้นที่เหล่านี้ มักจะเป็นป่าไม้ผสม (mixed forest) ที่ประกอบด้วย ต้นไม้หลากหลายชนิด เช่น ต้นสน ต้นเบิร์ช และต้นโอ๊ค ซึ่งมีพืชพรรณให้กระรอก บินหาอาหาร และใช้ในการทำรัง
กระรอกบินไซบีเรีย มีบทบาทสำคัญ ในระบบนิเวศป่าไม้เขตหนาว เพราะการกินเมล็ดพืช ถั่ว และเปลือกไม้ เป็นอาหารหลัก การสะสม และเก็บอาหารไว้ในที่ต่างๆ บนพื้นดิน และต้นไม้ จึงเป็นการกระจายเมล็ดพันธุ์ ในบริเวณกว้าง เมล็ดบางชนิดอาจงอก และเติบโตเป็นต้นใหม่ ในอนาคต ทำให้พืชพันธุ์ในพื้นที่ขยายตัว และมีความหลากหลายมากขึ้น
ในขณะเดียวกัน มันก็เป็นแหล่งอาหาร ของนักล่าที่มีทักษะพิเศษอย่าง นกเค้าแมวขั้วโลก ที่หากินเวลากลางคืนและ หมาจิ้งจอกอาร์กติก ที่คอยซุ่มจับเหยื่อบนพื้นดิน การมีอยู่ของกระรอกบินไซบีเรีย จึงช่วยให้ระบบนิเวศ ของสัตว์นักล่าเหล่านี้ ดำเนินไปได้อย่างสมดุล
กระรอกบินไซบีเรียเป็นตัวอย่าง ของสัตว์ที่ปรับตัว ให้เข้ากับสภาพอากาศหนาวจัด ได้อย่างน่าทึ่ง ทั้งการมีขนฟู เพื่อปกป้องความอบอุ่น ในร่างกาย และพฤติกรรมการร่อน เพื่อหลีกเลี่ยง การเดินทางบนพื้นดิน ซึ่งอาจทำให้เสี่ยงต่อการถูกล่า การอาศัยอยู่บนยอดไม้ ยังช่วยให้มัน ปลอดภัยจากนักล่าบางชนิด
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การอนุรักษ์ ของกระรอกบินไซบีเรียในบางพื้นที่ เริ่มน่าเป็นห่วง เนื่องจาก การตัดไม้ทำลายป่า และการบุกรุกพื้นที่ป่า เป็นเหตุให้แหล่งที่อยู่อาศัยของมัน ลดลงอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ การร่อนของกระรอกบินนั้น ต้องการต้นไม้ที่สูง และอยู่ใกล้กัน การสูญเสียป่าไม้ จึงเป็นการทำลายระบบนิเวศ ที่กระรอกบินไซบีเรียต้องพึ่งพิง อยู่ด้วยเช่นกัน
เนื่องจากกระรอกบินไซบีเรีย อาศัยอยู่ในป่าทึบ ที่มีต้นไม้สูง หากจำนวนประชากร กระรอกบินไซบีเรียในพื้นที่ใด พื้นที่หนึ่ง ลดลงอย่างรวดเร็ว อาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ ถึงปัญหาของระบบนิเวศ เช่น การตัดไม้ทำลายป่า การสูญเสียแหล่งอาหาร หรือการเปลี่ยนแปลง ของสภาพอากาศ การศึกษา และติดตามประชากร ของกระรอกชนิดนี้ จึงช่วยให้เราสามารถ ประเมินความสมบูรณ์ของป่า และปรับปรุงมาตรการ การอนุรักษ์ได้อย่างเหมาะสม
สรุป กระรอกบินไซบีเรีย เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก ที่มีความสามารถพิเศษ ในการร่อนจากต้นไม้หนึ่ง ไปยังอีกต้นหนึ่ง ความน่ารัก และความแปลกใหม่ ในลักษณะการบินของมัน ได้สร้างความสนใจ ให้กับคนรักสัตว์ทั่วโลก แม้ว่าพฤติกรรมการอาศัย ในเวลากลางคืนของมัน จะทำให้เราจะมีโอกาส เห็นกระรอกบินไซบีเรียได้ยากก็ตาม แต่การปกป้อง แหล่งที่อยู่อาศัย จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้กระรอกบินไซบีเรีย ยังคงบินร่อนอย่างปลอดภัย ในธรรมชาติต่อไป