แมวกลุ่มขนสั้น Cat Breed ที่ไม่ค่อยประสบปัญหา ในเรื่องของขนที่หลุดร่วง ดูแลง่ายกว่าเหมียวขนยาว เหมาะสำหรับทาสแมวมือใหม่ ที่เพิ่งก้าวขาเข้าวงการคนเลี้ยงแมว โดยบทความฉบับนี้ ได้ยกมาแต่รายชื่อเหมียวยอดนิยม ที่กลุ่มคนรักสัตว์นิยมเลี้ยงกัน พร้อมกับแนบราคา และข้อมูลอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
ว่ากันด้วยน้องเหมียวแต่ละสายพันธุ์ ต่างมีความแตกต่างในหลาย ๆ ด้าน อาทิเช่น ต้นทาง, สีขน, สีตา, หางม้วน, หางตรง เป็นต้น รวมไปถึงความยาวของขนเอง ก็มีลักษณะที่ต่างกันออกไป หากพูดถึงเหมียวขนสั้น หลายคนอาจจะนึกถึงแมวไทย หรืออเมริกันช็อตแฮร์
แต่ถ้าให้พูดถึงเหมียวขนยาว หลายคนก็คงจะนึกถึงเปอร์เซีย, แมวป่านอร์เวย์ หรือเมนคูน เป็นต้น เมื่อทำการเปรียบเทียบระหว่าง เหมียวขนสั้นกับเหมียวขนยาว เราจะเห็นว่าทั้ง 2 รูปแบบนั้น มีลักษณะของขนที่ต่างกันอย่างชัดเจน จึงทำให้การดูแลมีความต่างกันออกไปด้วย
อเมริกันช็อตแฮร์ : หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งได้ว่า “ อเมริกันขนสั้น ” เป็นสายพันธุ์แมวบ้าน แมวยอดนิยม ระดับความอ้อนให้ที่ 1 ติดอันดับทาสแมวนิยมเลี้ยง ซึ่งมีต้นทางจากอเมริกาเหนือ
เป็นสถานที่พัฒนาสายพันธุ์ แมวกลุ่มขนสั้น โดยตรง มีลักษณะเด่นด้วยสีขน รวมถึงลวดลายมากกว่า 80 แบบ อาทิเช่น สีน้ำตาล, สีขาว, สีเงิน, สีดำลาย เป็นต้น เรทราคาตอนนี้อยู่ที่ 8,000 – 15,000 บาทขึ้นไป [1]
บริติชช็อตแฮร์ : มีชื่อเรียกอื่น ๆ ว่า “ บริติชบลู ” เป็นเหมียวบ้านดั้งเดิมของอังกฤษ มีลักษณะเด่น คือ ขนสั้นหนา, รูปร่างอ้วนท้วน, ใบหน้ากลม, ตาสีทอง เป็นต้น ซึ่งน้องได้รับการพัฒนาให้มีสีขน รวมถึงลวดลายมากมาย
อาทิเช่น สีแต้ม, ลายเสือ เป็นต้น เรทราคาตอนนี้อยู่ที่ 30,000 – 100,000 บาท ด้วยเรทราคาที่แพง บวกค่านำเข้าประเทศ อีกทั้งความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น จึงทำให้น้องเข้าไปอยู่ในกลุ่ม แมวราคาแพง ไปในทันที [2]
รัสเซียนบลู : มีชื่อเรียกอื่น ๆ ว่า “ อาร์คแองเจิลบลู ” และ “ อาร์คแองเจิลแคท ” ต้นทางจากประเทศรัสเซีย เป็นสายพันธุ์ แมวสวย ที่มีลักษณะเด่น ด้วยสีขนบนลำตัวสีเงินแวววาว ไปจนถึงสีเทาเข้ม
ถือว่าเป็นแมวที่น่าเลี้ยง แต่น่าเสียดายตรงที่เป็น สายพันธุ์เหมียวถูกแบนห้ามนำเข้า และส่งออกขายไปประเทศต่าง ๆ เนื่องจากพิษสงครามรัสเซีย และยูเครน เรทราคาตอนนี้อยู่ที่ 90,000 – 100,000 บาท [3]
ตองกินีส : Cat Breed เหมียวบ้านแท้ ต้นทางจากประเทศไทย ซึ่งเกิดจากการผสมพันธุ์ระหว่าง แมวเบอร์มีสกับแมวสยาม มีลักษณะเด่น คือ สีขนบนลำตัว อาทิเช่น สีขนลายแหลม, ขาว, น้ำตาลอ่อน เป็นต้น ส่วนใหญ่ประเทศที่นิยม ได้แก่ เบลเยียม, เยอรมนี, เนเธอร์แลนด์, ลักเซมเบิร์ก, ฝรั่งเศส เรทราคาตอนนี้อยู่ที่ 21,000 – 36,000 บาท [4]
สำหรับเจ้าเหมียวที่มีให้เลือก 2 รูปแบบ ทั้งแบบขนสั้น และแบบขนยาว สุนัขเองก็มีเช่นกัน อีกทั้งยังมีวิธีดูแล รวมถึงปัญหาขนร่วงที่เหมือนกัน แต่จะแตกต่างกันตรงที่ แมวกลุ่มขนสั้น จะเลี้ยงง่ายกว่าสุนัข ไม่ต้องแปรงขนบ่อย ไม่ต้องใช้พื้นที่เลี้ยงเยอะ
หากพูดถึงสุนัขขนสั้น หลายคนคงจะนึกถึง ปั๊ก, อเมริกันบูลลี่, ชาร์เป่ย, เฟรนซ์ บูลด็อก เป็นต้น เหล่านี้จัดว่าเป็น สุนัขกลุ่มขนสั้น ที่กลุ่มคนรักสัตว์ทั่วโลก นิยมเลี้ยงภายในบ้านเช่นกัน อย่างไรก็ตาม สัตว์เลี้ยงประเภทไหน ที่คิดว่าตรงกับไลฟ์สไตล์ของคุณเอง
เป็นคนมีเวลาดูแล หรือไม่ค่อยมีเวลา การเลือกเลี้ยงสัตว์ขนสั้นนั้น ไม่ต้องเสียเวลาทำความสะอาดบ้าน แต่ถ้าเลือกเลี้ยงสัตว์ขนยาว อาจจะต้องหมั่นแปรงขน เพราะหากปล่อยทิ้งไว้ ขนน้องจะร่วงหล่นเต็มพื้นบ้านได้
ทาสแมวหลาย ๆ คนเชื่อว่า การอาบน้ำให้น้องเป็นประจำ จะช่วยเรื่องรักษาความสะอาดได้ แต่ความจริงแล้ว เหมียวขนสั้นควรจะอาบอย่างน้อย 1 – 3 เดือนต่อครั้ง ส่วนเหมียวขนยาว ควรจะอาบน้ำอย่างน้อย 1 – 2 เดือนต่อครั้งเท่านั้น
เพราะหากอาบน้ำให้น้องทุกวัน โรคที่เกิดกับแมวอาจตามมาได้ โดยเฉพาะโรคภูมิแพ้ และโรคทางผิวหนัง ดังนั้น การพิจารณาการอาบน้ำน้องบ่อย ๆ นั้น ขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูของแต่ละคน
Anti – Itch for Sensitive Skin Shampoo Dr.Choice : แชมพูสูตรอ่อนโยน ทำมาจากสารสกัดจากธรรมชาติ เหมาะกับเหมียวขนสั้น หรือน้องที่มีอาการแพ้ง่าย ราคา 790 บาท
Virbac Etiderm Shampoo : แชมพูกำจัดแบคทีเรีย สิ่งที่คู่ควรกับแมว และสุนัข โดยเฉพาะตัวไหนที่ขนสั้น มีความมัน ควรจะเลือกใช้แชมพูนี้ ด้วยขนาดปริมาณ 200ML. ราคา 665 บาท
Hana Pet Waterless Bubble Dry Shampoo : แชมพูจากประเทศเกาหลี เป็นสูตรแห้งพิเศษ เหมาะสำหรับการอาบน้ำแบบรวดเร็ว สัตว์เลี้ยงตัวไหนที่ไม่ชอบน้ำ เหมาะกับแชมพูนี้ที่สุด ราคา 249 บาท
ที่มา: thonglor – อาบน้ำแมว เรื่องสำคัญที่ทาสแมวอย่างเรา ไม่ควรมองข้าม [5]
สายพันธุ์น้องเหมียวขนสั้น สัตว์เลี้ยงผู้รักความสะอาด กำลังเป็นที่นิยมในกลุ่มทาสแมวทั่วโลก ด้วยสายพันธุ์ ด้วยต้นทาง และราคา ควรเลือกเลี้ยงที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ และเหมาะกับงบประมาณ
