แกะเบลเวเทอร์ (Dawn Bellwether) เป็นแกะตัวเมียขนาดเล็ก ที่ทำงานเป็นรองนายกเทศมนตรี ของเมืองซูโทเปีย ภายใต้การบริหารของนายกเทศมนตรี ไลออนฮาร์ท (Lionheart) ในโลกของซูโทเปีย ซึ่งเป็นมหานคร ที่เหล่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ต่างอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข (อย่างน้อยก็ในภาพลักษณ์ที่แสดงออกมา)
แกะเบลเวเทอร์ แม้ว่าในตำแหน่งของเธอ ควรจะมีบทบาทสำคัญ แต่ในความเป็นจริง เธอกลับถูกมองข้าม และใช้งานในฐานะ “ผู้ช่วยตัวเล็กๆ” ของไลออนฮาร์ทเท่านั้น เธอเป็นตัวแทนของกลุ่มสัตว์กินพืช ที่มักจะถูกกดขี่ หรือโดนดูถูกในบางแง่มุม โดยเฉพาะจากสัตว์นักล่า ที่มักจะครอบครอง ตำแหน่งสำคัญในสังคม อย่างนายกเทศมนตรีไลออนฮาร์ท
แต่ด้วยความที่เธอเป็นแกะตัวเล็ก เธอมักจะถูกนายกเทศมนตรีละเลย และใช้งานในเรื่องที่ไม่สำคัญ เช่น การนับจำนวนเอกสาร หรือทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์ ในงานเล็กๆ แทนที่จะมีบทบาทจริงจัง ในนโยบายการบริหารของเมือง [1]
เบลเวเทอร์ปรากฏตัวครั้งแรกเมื่อ กระต่ายจูดี้ ซึ่งเป็นกระต่ายตัวเล็ก และตำรวจหน้าใหม่ของเมือง ได้เข้ามาพบเธอ ในสำนักงานนายกเทศมนตรี จูดี้ได้รับมอบหมายหน้าที่ ให้ควบคุมการจราจร แทนที่จะได้ทำงานสืบสวนที่เธอใฝ่ฝัน จูดี้และเบลเวเทอร์ มีจุดที่คล้ายกัน คือทั้งคู่เป็นสัตว์เล็ก ที่มักถูกมองข้ามในสังคม
แต่ในขณะเดียวกัน เบลเวเทอร์ก็ไม่ได้เปิดเผย ความไม่พอใจ หรือแผนการใดๆของเธอในตอนนั้น เธอยังคงแสดงตัวเป็นมิตร และดูเหมือนจะสนับสนุนจูดี้ ในแบบที่เธอสามารถทำได้ ฉากนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญ ในความสัมพันธ์ระหว่างจูดี้ และเบลเวเทอร์ ทั้งสองดูเหมือนจะเป็นเพื่อน ร่วมอุดมการณ์ในตอนแรก โดยการแบ่งปันประสบการณ์
ของการถูกมองข้ามจากสังคม แต่ในความเป็นจริง ฉากนี้เป็นการปูพื้น ให้กับการเปิดเผยแผนการลับ ของเบลเวเทอร์ในภายหลัง ความแตกต่างระหว่างจูดี้ ที่ยึดมั่นในความยุติธรรม และเบลเวเทอร์ ที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง และความทะเยอทะยาน จะกลายเป็นประเด็นหลัก ที่ผลักดันเรื่องราว ไปสู่จุดไคลแมกซ์ของภาพยนตร์ [2]
ตลอดเรื่อง จูดี้และ จิ้งจอกนิค หรือนิค ไวลด์ (Nick Wilde) ซึ่งเป็นจิ้งจอก และคู่หูของเธอ ได้เริ่มต้นสืบสวนคดีสัตว์นักล่า ที่หายตัวไปอย่างลึกลับ และพบว่าสัตว์เหล่านั้นกลายเป็น “สัตว์ดุร้าย” โดยไม่มีสาเหตุชัดเจน ในช่วงแรก ทั้งคู่เชื่อว่าคดีนี้ เกี่ยวข้องกับนายกเทศมนตรีไลออนฮาร์ท และในที่สุด ก็สามารถเปิดโปง
ว่าไลออนฮาร์ท ได้ทำการกักตัวสัตว์นักล่าที่ดุร้ายไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความวุ่นวายในเมือง โดยไม่ได้แจ้งต่อประชาชน ไลออนฮาร์ทถูกจับกุม ในข้อหาใช้อำนาจเกินขอบเขต ทำให้เบลเวเทอร์ได้ขึ้นดำรงตำแหน่ง นายกเทศมนตรีแทนชั่วคราว นี่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของเรื่อง
เพราะเบลเวเทอร์เริ่มเผยให้เห็น ความทะเยอทะยานของเธอออกมา เธอใช้สถานการณ์นี้ เพื่อสร้างความหวาดกลัวในสังคม โดยปั่นกระแสให้สัตว์กินพืช เกรงกลัวสัตว์นักล่า และอ้างว่าสัตว์นักล่า เป็นภัยคุกคามต่อความสงบสุข ของเมืองซูโทเปีย
แกะเบลเวเทอร์ และลูกสมุนของเธอค้นพบว่า ไนท์ฮาวเลอร์ (Night Howler) ซึ่งเป็นพืชชนิดหนึ่ง มีผลกระตุ้นให้สัตว์กลายเป็นดุร้าย เธอจึงใช้สารสกัดจากพืชนี้ ในรูปแบบของกระสุนปืน และสั่งการให้ยิงใส่สัตว์นักล่า เพื่อทำให้พวกมันเสียสติ และโจมตีผู้อื่น ความหวาดกลัวที่เกิดขึ้น ทำให้สัตว์กินพืชส่วนใหญ่ เริ่มไม่ไว้วางใจสัตว์นักล่า
ซึ่งส่งผลให้เบลเวเทอร์ สามารถรวบอำนาจ และสร้างนโยบาย ที่กดขี่สัตว์นักล่าได้ง่ายขึ้น ในช่วงท้ายของเรื่อง จูดี้และนิค ได้ค้นพบหลักฐานสำคัญ ที่ชี้ว่าเบลเวเทอร์ คือผู้อยู่เบื้องหลังทั้งหมด พวกเขาวางแผนล่อให้เบลเวเทอร์
เปิดเผยความจริง ด้วยการบันทึกคำสารภาพของเธอ โดยแอบใช้อุปกรณ์อัดเสียง ในฉากสุดท้ายที่พิพิธภัณฑ์ เบลเวเทอร์พยายามใช้ไนท์ฮาวเลอร์ จัดการจูดี้และนิค แต่แผนของเธอกลับล้มเหลว และเธอถูกจับกุมโดยตำรวจ
จุดจบของเบลเวเทอร์ เป็นฉากที่น่าจดจำ และสะท้อนถึงผลกรรม ที่เธอได้รับจากแผนการชั่วร้ายของเธอเอง หลังจากที่จูดี้ ฮอปส์และนิค ไวลด์ได้ค้นพบความจริง ว่าเบลเวเทอร์คือผู้บงการ ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ สัตว์นักล่าหลายตัวในเมือง กลายเป็นสัตว์ดุร้าย
เบลเวเทอร์ถูกจับกุม หลังจากคำสารภาพของเธอ เธอถูกใส่กุญแจมือ และนำตัวออกไป เธอแสดงความโกรธแค้น และไม่พอใจ ขณะที่เธอถูกจับ เธอหันมามองจูดี้ และนิคอย่างเคียดแค้น พร้อมพูดประโยคสุดท้าย ที่สะท้อนถึงความดื้อรั้นของเธอ “เธอคิดว่าเธอชนะเหรอ โลกนี้ไม่มีทางสงบสุขได้ ตราบใดที่สัตว์นักล่ายังอยู่”
คำพูดของเบลเวเทอร์ เป็นเหมือนการสะท้อน ถึงความคิดที่แบ่งแยก และขาดความศรัทธา ในความร่วมมือระหว่างสัตว์ต่างชนิด ซึ่งขัดกับความเชื่อมั่นของจูดี้ และนิคที่เห็นว่าความหลากหลาย คือพลังของซูโทเปีย
หลังจากเบลเวเทอร์ถูกจับ เมืองซูโทเปีย ก็กลับคืนสู่ความสงบสุขอีกครั้ง จูดี้และนิค ช่วยกันแก้ไขสถานการณ์ ทำให้ประชาชนเข้าใจ ว่าสัตว์นักล่าที่กลายเป็นดุร้ายนั้น ไม่ได้เกิดจากธรรมชาติ แต่เป็นผลจากสาร ไนท์ฮาวเลอร์ ที่ถูกใช้ในแผนการร้าย ของเบลเวเทอร์
เบลเวเทอร์ถูกตัดสิน ให้รับโทษตามกฎหมาย และจบลงในฐานะผู้ร้าย ที่พยายามสร้างความแตกแยกในสังคม ความทะเยอทะยานของเธอ ที่หวังจะเปลี่ยนแปลงโลก ในแบบของเธอเอง กลับล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง และเธอก็ต้องเผชิญกับผลลัพธ์ ของการกระทำของตัวเอง [3]
สรุป แกะเบลเวเทอร์ เป็นตัวละครที่สะท้อน ถึงความซับซ้อนของสังคม และอำนาจ เธอแสดงให้เห็น ว่าแม้แต่ผู้ที่ดูเหมือนอ่อนแอ หรือถูกมองข้าม ก็สามารถเป็นภัยคุกคามได้ หากพวกเขาถูกผลักดัน ด้วยความโกรธแค้น หรือความอยุติธรรม นอกจากนี้ เรื่องราวของเธอยังเตือนให้เห็น ถึงความสำคัญของความเท่าเทียม ในสังคมอย่างซูโทเปีย