บันทึก เรื่องจริงของหมีกริซลี สัตว์กินเนื้อตัวใหญ่

เรื่องจริงของหมีกริซลี

เรื่องจริงของหมีกริซลี บล็อกพาชมช่วงชีวิตของหมีสีน้ำตาล หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ หมีกริซลี ” ( Grizzly Bear ) รวมถึงพาติดตามศาสตร์การล่า การโต้ตอบกับมนุษย์ รวมถึงจำนวนประชากรที่ตอนนี้กำลังลดลง มาดูกันว่าพวกมันมีรูปแบบการใช้ชีวิตอย่างไร และปัจจุบันเหลือจำนวนประชากรเท่าไหร่ บล็อกนี้ให้อ่านเนื้อหาได้ก่อนใคร เสมือนว่าคุณกำลังนั่งชม สารคดีสัตว์โลก ผ่านโทรทัศน์

ความหมายชื่อ Grizzly Bear พันธุ์หมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก

ด้วยชื่อของหมีสีน้ำตาลที่ว่า “ หมีกริซลี ” ( Grizzly Bear ) ทางนักสำรวจชาวอเมริกัน 2 ท่าน “ Meriwether Lewis ” และ “ William Clark ” ได้ตีความหมายชื่อออกมาว่า “ Grizzly ” หมายถึง “ ผมสีเทา ” ซึ่งความหมายนี้ตรงกับสีขนบนลำตัว นี่จึงเป็น เรื่องจริงของหมีกริซลี ในส่วนของความหมายชื่อ

ทั้งนี้ หมีกริซลีเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม จัดอยู่ในวงศ์หมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ที่อยู่ในจำพวกของ สัตว์กินเนื้อ ที่ยังคงดำรงเผ่าพันธุ์มาจนถึงปัจจุบัน เมื่อหมีตัวผู้ที่โตเต็มวัยอาจมีน้ำหนักถึง 180 – 980 กิโลกรัม หรือประมาณ 1 ตัน แต่ถ้าตัวผู้ที่โตเต็มวัยยืน 2 ขา อาจมีความสูงมากถึง 2.5 – 3 เมตร [1]

อย่างไรก็ตาม นอกจากทวีปอเมริกาเหนือมีหมีกริซลีแล้ว ทวีปแอฟริกายังมีสัตว์บกขนาดใหญ่ ที่มีฉายาว่า “ สัตว์บกสุดโหดตลอดกาล ” อย่าง “ ฮิปโปโปเตมัส ” ( Hippopotamus ) อีกด้วย นี่จึงเป็น เรื่องจริงของฮิปโป สัตว์ที่คร่าชีวิตมนุษย์ราว ๆ ปีละ 500 คนเป็นอย่างต่ำ

วิธีการล่าของหมีตัวใหญ่ แม้แต่กระทิงก็ยังกลัว

สิ่งมีชีวิตที่โคตรจะแข็งแกร่ง และเป็นฝันร้ายของ สัตว์นักล่าชั้นยอด จำนวนมากมายในป่า ไม่ว่าจะเป็น กระทิง ควายป่า บลา ๆ เนื่องด้วยหมีกริซลีมีผิวหนังที่แข็งแรง สัตว์ตัวไหนก็ไม่สามารถเจาะเข้าไปได้ บวกกับการมีกรงเล็บที่แหลมคม และตัวขนาดใหญ่มหึมา

นี่จึงเป็นสิ่งที่มันท้าทายศัตรูตัวอื่น ๆ ได้ ซึ่งสายพันธุ์ของพวกมันได้แพร่หลาย ครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของทวีปยูเรเชีย และทางตะวันตกของทวีปอเมริกาเหนือ ทั้งนี้ สัตว์ที่หมีกริซลีจะล่านั้น จะต้องเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเท่านั้น อาทิเช่น กวางเอลก์, กวางเรนเดียร์, ควายป่า

แม้แต่หมีดำก็ยังถูกล่า โดยพวกมันจะเน้นการพุ่งจู่โจมใส่ ใช้กรงเล็บอันแหลมยาว จิกไปบริเวณใกล้ ๆ ลำคอของเหยื่อ จากนั้นจะใช้ฟันกัดเพื่อให้เหยื่อสิ้นฤทธิ์ แต่ถ้าอาหารในพื้นที่เริ่มขาดแคลน พวกมันจะกินปลาในแม่น้ำแทน [2]

การตามติดชีวิต ตามติดพฤติกรรม

กริซลีสัตว์ที่อยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหาร สัตว์ที่มีลำตัวใหญ่มหึมา บวกการมีพละกำลังที่ไม่ว่า สัตว์ผู้ล่าชั้นยอด ตัวไหนก็ไม่สามารถล้มมันลงได้ ถือว่าพวกมันเป็นสายพันธุ์หมี และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ที่ค่อนข้างมีความน่าสนใจในการสำรวจ นั่นก็เพราะ พวกมันมีเสน่ห์ที่ใครก็อยากจะเฝ้ามองตลอดเวลา บวกพฤติกรรมที่ไม่เหมือนกับสัตว์อื่น ๆ

ไม่ใช่แค่เพราะมันฉลาด แต่มันเป็นเรื่องของการปรับตัวเก่ง คิดจะล่าสัตว์ หรือเปลี่ยนที่อยู่เป็นที่ไหน หมีกริซลีก็สามารถปรับตัวเอง ให้อยู่ในสภาพแวดล้อมนั้น ๆ ได้ อีกทั้งพวกมันสามารถวิ่งได้ด้วยความเร็ว 56 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่เคยมีนักสำรวจบันทึกความเร็วสูงสุด ณ อุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตนได้ที่ 48 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นอกจากนี้ หมีกริซลียังเก่งเรื่องปีนต้นไม้อีกด้วย [3]

เรื่องจริงของหมีกริซลี กับการเพิ่มน้ำหนักก่อนการจำศีล

เรื่องจริงของหมีกริซลี

ก่อนช่วงเวลาที่หมีกริซลีจะจำศีลนั้น พวกมันจะต้องเตรียมตัวในการเพิ่มน้ำหนัก จากที่หนักอยู่แล้ว 180 กิโลกรัมขึ้นไป พวกมันจะต้องเพิ่มขึ้นมาเป็นหลายเท่าตัว เพราะช่วงเวลาที่หมีจำศีลตรงกับฤดูหนาว นี่เป็น เรื่องจริงของหมีกริซลี ที่จะต้องเตรียมตัวในการจำศีลในถ้ำ ทั้งนี้ พวกมันจะต้องจำศีลประมาณ 5 – 7 เดือนต่อปี

แต่ยกเว้นกรณีที่บริเวณนั้นอบอุ่น อากาศไม่เย็นจัด พวกมันถึงจะไม่จำศีล และช่วงเวลานี้เอง หมีตัวเมียจะให้กำเนิดลูกน้อย อีกทั้งช่วงเวลานี้พวกมันจะไม่กินอาหารเลย และจะไม่ขับถ่าย หรือปัสสาวะตลอดช่วงการจำศีล ทั้งนี้ การสิ้นสุดช่วงเวลานี้ของตัวผู้ จะสิ้นสุดในช่วงต้นเดือนมกราคม – เดือนมีนาคม ในขณะที่ตัวเมียจะออกจากถ้ำในเดือนเมษายน หรือต้นเดือนพฤษภาคม

เรื่องจริงของหมีกริซลี ในส่วนการโต้ตอบกับมนุษย์

สำหรับการโต้ตอบกับมนุษย์ของหมีกริซลี มีทั้งด้านความสัมพันธ์ระหว่างชนพื้นเมือง และความขัดแย้งกับมนุษย์ แต่ก่อนชนพื้นเมืองอเมริกัน พวกเขาอาศัยอยู่ท่ามกลางดงหมีสีน้ำตาล แน่นอนว่า พวกเขาทั้งหวาดกลัว และมีประชากรเสียชีวิตอยู่เรื่อย ๆ ถึงแม้จะมีอยู่ตัวเดียว แต่พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะล่ามัน แต่ทว่า ชนเผ่าตะวันตกบางเผ่า ที่อาศัยอยู่ใกล้ ๆ ชนพื้นเมืองอเมริกัน

พวกเขามีประเพณีการล่าหมีสีน้ำตาล ซึ่งสมาชิกในเผ่าที่ออกไปล่าหมีนั้น จะได้รับความเคารพนับถือเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นผู้กล้าของหมู่บ้าน อย่างไรก็ตาม หากจำเป็นจะต้องเดินทางเข้าป่า กลุ่มหนึ่งจะต้องมีสมาชิก 6 คนขึ้นไป แนะว่าให้เดินสำรวจด้วยความระมัดระวัง หากไม่ได้เข้าไปยุ่งกับลูกน้อยของมัน มันก็จะไม่เข้ามาทำร้าย

สัตว์เข้าข่ายบัญชีแดง เสี่ยงสูญพันธุ์

ด้วยสถานะปัจจุบันของหมีกริซลี ได้รับการขึ้นบัญชีว่า สัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์ ในดินแดนสหรัฐอเมริกาแผ่นดินใหญ่ และยังอยู่ในรายชื่อสัตว์เข้าข่ายใกล้สูญพันธุ์ ในบางส่วนของประเทศแคนาดา ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองสายพันธุ์ของแคนาดา นี่เป็น เรื่องจริงของหมีกริซลี ที่ว่า

จำนวนประชากรตอนนี้ลดลงจนน่าตกใจ และยิ่งตอนนี้มีข่าวลือหนาหูว่า รัฐบาลสหรัฐฯ อาจกำลังยกเลิกการปกป้องหมีกริซลี นี่อาจทำให้พวกมันถูกมนุษย์คุกคามง่ายขึ้น บวกกับที่อยู่อาศัยกำลังขาดแคลนอาหาร เหล่านี้อาจทำให้มันสูญพันธุ์หายไปเลยก็เป็นได้

สรุป เรื่องจริงของหมีกริซลี

ด้วยเรื่องราวช่วงชีวิต พฤติกรรม รวมถึงวิธีการล่าของหมีกริซลี สายพันธุ์หมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ถือว่าเป็นสัตว์นักล่าอันตราย น่าเกรงขาม ที่แม้แต่นักล่าขนาดใหญ่ตัวอื่น ๆ ยังหวาดกลัว หากได้เผลอเดินเข้าไปยังดินแดนของพวกมัน แนะว่าไม่ควรยุ่งกับลูกน้อย เพราะมันอาจพุ่งจู่โจมทำร้ายได้

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน
Picture of Pet Noi
Pet Noi

แหล่งอ้างอิง