เต่าซูคาต้า หรือ Sulcata เป็นเต่าเดือยแอฟริกา ที่จัดอยู่ใน ประเภทเต่าบนบก ที่มีขนาดใหญ่ อันดับ 3 ในโลก [1] ซึ่งมีลักษณะเด่น คือกระดองลายสวย ที่นูนสูงขึ้นมา และมีสีเหลืองอ่อน โดยปัจจุบัน พวกมันเป็นที่นิยม สำหรับการเลี้ยงดู ซึ่งรายละเอียดต่างๆ ทั้งถิ่นกำเนิด ลักษณะ การดูแล รวมไปถึงราคา ติดตามต่อด้านล่าง
เต่าซูคาต้า พบได้ในแถบ ภูมิภาคซาเฮล ของทวีปแอฟริกา ไม่ว่าจะเป็น ประเทศซูดาน, ชาด หรือไนเจอร์ ซึ่งพวกมัน มักอาศัยอยู่ บริเวณทุ่งหญ้าสะวันนา รวมไปถึงตามโขดหิน นอกจากนี้ ยังสามารถพบเห็น ในพื้นที่การเกษตร และบริเวณแห้งแล้ง ติดกับทะเลทรายซาฮารา ไล่ตั้งแต่แอฟริกาตะวันตก ไปจนถึงทางตะวันออก [2]
ลักษณะของ เต่าซูคาต้า ในตอนเด็ก ลำตัวจะเป็นสีขาว ปนกับสีน้ำตาลเหลือง เมื่อเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ กระดองจะเปลี่ยนเป็นสี กลายเป็นน้ำตาลและเหลือง ส่วนขาคู่หน้า จะมีเกล็ดใหญ่ๆ สั้น แต่แข็งแรง และเมื่อโตเต็มวัน สามารถมีขนาดใหญ่ ประมาณ 36 นิ้ว หรือราวๆ 3 ฟุต โดยตัวผู้จะใหญ่กว่าตัวเมีย
ซึ่งการผสมพันธุ์ จะทำเมื่อเข้าสู่เดือน ตุลาคม-เมษายน โดยมีอัตรากำเนิดลูก เฉลี่ยครั้งละ 15-40 ฟอง และใช้เวลาฟักไข่ นานกว่า 3 เดือนนิดๆ เมื่อลูกเต่าเติบโต มันจะเจาะไข่ออกมาเอง ซึ่งหลังจากนั้น ในช่วง 24-72 ชั่วโมงแรก ลูกเต่าจะยังมีไข่แดง ติดอยู่ภายใต้หน้าท้อง และจะยุบลงใน 3 ถึง 7 วัน เมื่อถึงอายุ 1 ปี ถึงจะดูเพศเต่าได้
สำหรับพฤติกรรมการกิน สามารถกินพืชผัก ผลไม้ ได้ทุกชนิด เช่น ผักบุ้ง, กล้วย, มะละกอ, ฟักทอง เป็นต้น หรือถ้าหากนำมาเลี้ยง สามารถให้อาหารเม็ด หรือหญ้าสำเร็จรูป ร่วมด้วยก็ได้ น้องกินง่าย เลี้ยงง่าย และทนต่อแดดประเทศไทย เพราะอยู่ได้ในอุณหภูมิ 30 ถึง 35 องศา
ที่มา : วิธีเลี้ยงเต่าซูคาต้า [3]
การเลี้ยง เต่าซูคาต้า สามารถอยู่ได้ ในสวนขนาดย่อม กรง หรือกระบะ ที่ต้องมีอากาศถ่ายเท และแสงแดดเพียงพอ เนื่องจากหากชื้นเกินไป จะทำให้กระดองเต่า นิ่มหรือบุ๋ม ซึ่งสรุปค่าใช้จ่ายเบื้องต้น ได้ดังนี้
เต่าซูคาต้า (Sulcata) เมื่อเลี้ยงดูดีๆ และโตเต็มวัย กระดองของมัน จะมีลวดลายสวยมาก ซึ่งแบ่งเป็นช่อง 4 เหลี่ยม สลับสีเหลืองอ่อน-สีน้ำตาล นี่จึงอาจเป็นสาเหตุ ที่ทำให้คนชอบเลี้ยง เพราะเป็นได้ทั้ง เพื่อนแก้เหงา และสัตว์สวยงาม ที่สำคัญคือเลี้ยงง่าย กินง่าย ราคาไม่เกินตัว