สแครท กระรอกเขี้ยวดาบ เจ้าแห่งหายนะในยุคน้ำแข็ง

สแครท กระรอกเขี้ยวดาบ

สแครท กระรอกเขี้ยวดาบ ผู้โชคร้ายจากแฟรนไชส์ Ice Age เป็นตัวละคร ที่อาจไม่ใช่ตัวเอกของเรื่อง ในดินแดนเยือกแข็ง ของยุคน้ำแข็งนั้น มีสิ่งมีชีวิตมากมายที่ต้องดิ้นรน เพื่อเอาตัวรอด จากสภาพอากาศอันโหดร้าย ทว่ามีตัวละครตัวหนึ่ง ที่ไม่เคยสนใจสิ่งใดเลยนอกจาก “ลูกโอ๊ก” ของมัน แต่กลับเป็นที่จดจำได้มากที่สุด จากผู้ชมทั่วโลก

สแครท กระรอกเขี้ยวดาบ ผู้จุดชนวนวันสิ้นโลก

สแครท กระรอกเขี้ยวดาบ ปรากฏตัวครั้งแรก ในภาพยนตร์ไอซ์เอจภาคแรก (2002) ในฉากเปิดตัว ที่กลายเป็นเอกลักษณ์ของแฟรนไชส์นี้ มันเป็นกระรอกโบราณ ที่มีเขี้ยวแหลม แบบเสือเขี้ยวดาบ (Saber-toothed squirrel) ซึ่งมีต้นแบบมาจากสัตว์ดึกดำบรรพ์ ที่เคยมีอยู่จริง

นักออกแบบของ Blue Sky Studios ต้องการสร้างตัวละครตลก ที่เป็นเหมือน “ตัวเชื่อม” ระหว่างเหตุการณ์สำคัญในหนัง และพวกเขาก็สร้างสแครทขึ้นมา เป็นตัวแทนของ “ความยุ่งเหยิง” และ “หายนะ” ในทุกฉากที่มันปรากฏตัว

ตลอดทั้งแฟรนไชส์ สแครทไม่เคยสนใจอะไรเลย นอกจากลูกโอ๊กของมัน มันพร้อมจะทำทุกอย่าง เพื่อให้ได้ลูกโอ๊กมา ไม่ว่าจะต้องเผชิญพายุหิมะ ตกจากหน้าผา ถูกแผ่นน้ำแข็งแตกกระจาย หรือแม้กระทั่ง บังเอิญไปสร้างหายนะ ที่เปลี่ยนแปลงทั้งโลก [1]

การเดินทางอันโชคร้ายของสแครท

ไม่ว่าจะในไอซ์เอจภาคใดก็ตาม เรื่องราวของสแครท มักจะเป็นเส้นเรื่องรอง ที่ทำให้ผู้ชมต้องหัวเราะ และสงสารไปพร้อมกัน ทุกครั้งที่มันพยายามเข้าใกล้ลูกโอ๊ก ดูเหมือนโชคชะตา จะเล่นตลกกับมันเสมอ มักจะมีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้น ที่ทำให้มันต้องสูญเสียลูกโอ๊กไปเสมอ

เรื่องราวของสแครทในแต่ละภาค เต็มไปด้วยความโชคร้าย ซ้ำแล้วซ้ำเล่า และบางครั้งก็ทำให้เกิดเหตุการณ์ใหญ่ ที่ส่งผลกระทบ ต่อโลกยุคน้ำแข็งในระดับมหาศาล

ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่พันปี ไม่ว่าสภาพแวดล้อม จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร สแครทก็ยังคงเป็นสแครท มันจะไม่มีวันหยุด ไล่ล่าลูกโอ๊กของมัน แม้ว่าทุกครั้งที่มันพยายามคว้าไว้ สุดท้ายแล้วสิ่งที่มันได้รับ กลับมีแต่ความผิดหวัง แต่ก็นั่นแหละ นั่นคือสิ่งที่ทำให้มันเป็นสแครท และนั่นคือสิ่งที่ทำให้เรา รักสแครทอย่างไม่มีเงื่อนไข

สแครทผู้ถูกเลือกให้ผิดหวังในไอซ์เอจ

ในไอซ์เอจภาค The Meltdown แม้ว่าสแครทจะยังคงหมกมุ่น กับการแย่งชิงลูกโอ๊กของมันเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้โชคชะตา กลับเล่นตลกยิ่งขึ้นไปอีก เพราะมันได้พบกับ กระรอกสาวแสนเสน่ห์ ชื่อสแครตที ความรัก และความหลงใหล ทำให้มันต้องเลือก ระหว่างหัวใจกับลูกโอ๊ก และสุดท้าย มันก็เลือกผิดพลาดอย่างมหันต์

ทำให้ไม่เพียงแต่จะสูญเสียความรัก แต่ลูกโอ๊กก็ยังตกไปอยู่ในมือ ของสแครตทีอีกต่างหาก พอถึงภาค Dawn of the Dinosaurs สแครทไม่ได้เผชิญ แค่ความโชคร้ายธรรมดา แต่บังเอิญเข้าไปในโลกใต้ดิน ของไดโนเสาร์ ซึ่งเต็มไปด้วยอันตรายรอบด้าน

แต่สิ่งที่แย่ที่สุดคือ มันยังต้องเผชิญกับศึกชิงลูกโอ๊ก กับสแครตทีอีกครั้ง ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ เต็มไปด้วยการหักหลัง และกลเกมแห่งการล่อลวง ซึ่งสุดท้ายแล้ว สแครทก็จบลงด้วยการสูญเสียทั้งลูกโอ๊ก และหัวใจของมันอีกครั้ง

กระรอกเขี้ยวดาบ ผู้ถูกสาปให้ไล่ตามลูกโอ๊กตลอดกาล

สแครท กระรอกเขี้ยวดาบ

แม้ว่าสแครทจะเป็นตัวละคร ที่ดูเหมือนมีไว้สร้างเสียงหัวเราะ แต่หากมองลึกลงไป มันเป็นตัวแทนของความพยายาม และความไม่ยอมแพ้ มันไม่เคยหยุดไล่ล่าลูกโอ๊กของมัน แม้ว่าโชคชะตา จะเล่นตลกกับมันก็ตาม เราอาจหัวเราะ กับความโชคร้ายของสแครท แต่ก็อดเอาใจช่วยไม่ได้

ในหลายๆครั้ง สแครทเกือบจะได้มีความสุขกับลูกโอ๊ก แต่มักจะถูกพรากไป ในวินาทีสุดท้ายเสมอ มันเหมือนเป็นตัวแทนของมนุษย์ ที่พยายามไขว่คว้าความฝัน แม้จะต้องเจออุปสรรคมากมายก็ตาม

 ฉากจบของสแครท และการลาจากของบลูสกายสตูดิโอ

หลังจากที่ Disney ซื้อกิจการของ 20th Century Fox ในปี 2019 บลูสกายสตูดิโอ (Blue Sky Studios) ถูกปิดตัวลงในปี 2021 ทำให้โอกาสที่เราจะได้เห็นไอซ์เอจ ในรูปแบบดั้งเดิม จากทีมงานเดิมจบลง แต่ก่อนที่บลูสกายสตูดิโอ จะปิดตัวลง พวกเขาได้มอบฉากจบสุดท้าย ให้กับสแครท

ในปี 2022 คลิปสั้นๆชื่อ The End ถูกเผยแพร่ทางออนไลน์ โดยเป็นฉากที่แฟนๆรอคอยมานาน สแครทสามารถกินลูกโอ๊กของมัน ได้เป็นครั้งแรก มันหยุดมองลูกโอ๊ก และสงสัยอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกัดมันลงไปอย่างสุขใจ แล้วเดินจากไป โดยไม่สนใจสิ่งอื่นใดๆ [2]

ฉากนี้เป็นเหมือนการกล่าวอำลา ของบลูสกายสตูดิโอ ที่มอบตอนจบ ให้กับตัวละครที่เป็นเอกลักษณ์ของพวกเขา เป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่เต็มไปด้วยความหมาย และเป็นการปิดตำนานของสแครท อย่างสมบูรณ์

 สแครทจะอยู่ในใจของแฟนๆไปตลอด

แม้ว่าไอซ์เอจ จะมีตัวละครหลัก ที่แข็งแกร่งอย่าง แมนเฟรด (Manfred), ซิดนีย์ (Sidney) และ ดิเอโก้ (Diego) แต่ไม่มีตัวละครตัวไหน ที่จะเป็นที่จดจำ ได้มากเท่าสแครท มันเป็นตัวละครที่พูดไม่ได้ แต่สามารถสื่อสารผ่านการแสดงออก และพฤติกรรมที่บ้าบอของมัน ได้อย่างสมบูรณ์แบบ [3]

การเดินทางของสแครท เป็นเหมือนเรื่องราวของชีวิต เต็มไปด้วยความพยายาม ความผิดหวัง ความขบขัน และช่วงเวลาแห่งชัยชนะ ที่หาได้ยากอย่างมาก

สรุป สแครท กระรอกเขี้ยวดาบผู้ไร้วาสนา

สรุป “สแครท” แม้ว่าโชคจะไม่เคยเข้าข้าง แต่มันก็ไม่เคยยอมแพ้ และนั่นอาจเป็นเหตุผล ว่าทำไมเราถึงรักมันมากขนาดนี้ จากการเป็นตัวละคร ที่ไม่มีบทพูด กลายเป็นไอคอนของแฟรนไชส์ “Ice Age” สแครทอาจจะไม่ได้เป็นตัวเอกของเรื่อง แต่ไม่มีใครปฏิเสธได้เลยว่ามันคือ “หัวใจ” ของไอซ์เอจอย่างแท้จริง

ในภาค “The Meltdown” สแครทเลือกอะไร ระหว่างสแครตทีกับลูกโอ๊ก ?

ในช่วงเวลาที่โรแมนติกที่สุด ในชีวิตของสแครท แต่แล้ว… ทันใดนั้น สายตาของสแครทเหลือบไปเห็นลูกโอ๊ก ที่อยู่ไม่ไกลจากมัน และนั่นก็เป็นจุดจบ ของเรื่องราวความรักอันสั้นของทั้งคู่

แทนที่จะเลือกอยู่กับสแครตที แต่สแครทเลือกกระโจนเข้าหาลูกโอ๊ก โดยไม่ลังเล ซึ่งทำให้สแครตทีโกรธจัด เธอผลักมันตกลงไปจากหน้าผาทันที ในขณะที่เธอเองก็จากไป โดยที่ไม่หันกลับมามองอีกเลย สแครทเสียทั้งลูกโอ๊ก และความรักไปพร้อมกัน และต้องทนทุกข์กับชะตากรรมอันขมขื่น เหมือนเช่นเคย

จากฉากจบของสแครท แล้วเราจะได้พบกับสแครทอีกไหม ?

ฉากจบของสแครทเกิดขึ้นใน Ice Age: Scrat Tales (2022) ซึ่งเป็นผลงานสุดท้ายของ “Blue Sky Studios” ก่อนที่สตูดิโอจะปิดตัวลง หลังจากดิสนีย์เข้าซื้อกิจการ ในฉากนี้ สแครทได้กินลูกโอ๊กของมันเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ที่มันไล่ล่ามาตลอดหลายปี เป็นช่วงเวลาที่เหมือนการปล่อยวาง และเป็นการบอกลาทั้งตัวละคร และสตูดิโอไปพร้อมกัน

แต่แม้ว่าบลูสกายสตูดิโอ จะปิดตัวลง แต่ไอซ์เอจ (Ice Age) ยังอยู่ภายใต้ดิสนีย์ ซึ่งหมายความว่า อาจมีโอกาสที่เราจะได้เห็นสแครทอีกในอนาคต แต่สำหรับแฟนๆหลายคน ฉากที่มันได้กินลูกโอ๊ก ก็ถือเป็นตอนจบที่สมบูรณ์แบบแล้ว

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง