สุนัขตรวจจับ Detection Dog หรือเรียกอีกชื่อที่คุ้นเคยกัน คือ “ สุนัขดมกลิ่น ” สัตว์เลี้ยง 4 ขาที่ผ่านการฝึกมาอย่างดี ด้วยการใช้ประโยชน์จาก ประสาทสัมผัสการดมที่ดีเยี่ยม เพื่อตรวจค้นหาวัตถุแปลกปลอม หรือสารเคมีอันตรายต่าง ๆ บทความฉบับนี้มาพร้อมข้อมูลสำคัญ รวมถึงการยกตัวอย่างสายพันธุ์ ที่นิยมนำมาใช้ในงาน Policeman
สุนัขดมกลิ่น ( Sniffer Dog ) สหาย 4 ขาที่ผ่านการฝึกทดสอบใช้งาน ประสาทสัมผัสการดมกลิ่น เพื่อตรวจจับวัตถุอันตราย และสารแปลกปลอม ที่เข้าเงื่อนไขว่าผิดกฎหมาย อาทิเช่น ยาเสพติด, เลือด, วัตถุระเบิด, เงินตรา, สัตว์ป่าสงวน, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เถื่อน เป็นต้น ความสามารถเฉพาะตัวของเจ้าตูบ ท่าทีเอาจมูกก้มลงดมกลิ่น
ทำท่าทางฟุดฟิดปลายจมูก ซึ่งการดมกลิ่นเป็นสัญชาตญาณ แห่งการรับรู้ของ Dog น้องใช้การดมเป็นการสื่อสาร การส่งข้อมูล และการรับข้อมูล บ้างใช้เตือนภัย บ้างส่งสัญญาณ เป็นต้น [1] นอกจากนี้ กลุ่มคนรักสัตว์ในปัจจุบัน ยังมีการเลี้ยงน้องหมา ให้คอยเป็นหูเป็นตา คอยระแวดระวังให้กับบ้าน โดยเลี้ยงให้เป็น สุนัขเฝ้าบ้าน ที่ผ่านการฝึกอบรมมาอย่างดี
เยอรมันเชพเพิร์ด : มีถิ่นกำเนิดจากประเทศเยอรมัน แต่ก่อนถูกฝึกให้เป็นหมาต้อนสัตว์ แต่ปัจจุบันถูกฝึกให้เป็น สุนัขตรวจจับ เพื่อคอยช่วยงาน Policeman ด้านต่าง ๆ
ร็อตไวเลอร์ : Gene ที่ค่อนข้างมีความเก่าแก่ น้องมักถูกใช้ในงาน Policeman มากมาย ส่วนใหญ่จะเป็นการอารักขาดูแล อีกทั้งสายพันธุ์นี้ ยังถูกจัดอันดับให้อยู่ใน 1 ใน 6 รายชื่อ สุนัขราคาแพง ที่สุดในโลกอีกด้วย
แลบราดอร์ริทรีฟเวอร์ : มีต้นกำเนิดมาจากประเทศแคนาดา แต่ก่อนถูกเลี้ยงให้ช่วยงานเจ้าของ คอยอเนกประสงค์ช่วยงานต่าง ๆ อาทิเช่น งานประมง, งานล่าสัตว์ อีกทั้งยังติดอันดับ 1 ใน 10 สุนัขฉลาด แต่ปัจจุบันเป็นหมา Policeman ของหน่วยงานทั่วโลก
บีเกิ้ล : สัตว์เลี้ยงที่ขโมยหัวใจทาสหมา ด้วยหน้าตาที่น่ารัก ใบหูยาว ขาสั้น ถูกจัดให้เป็น สุนัขยอดนิยม มีพรสวรรค์การดมกลิ่นเป็นเลิศ ส่วนใหญ่มักใช้งานการสะกดรอย ค้นหาสิ่งผิดกฎหมาย เป็นต้น
สำหรับวัตถุต่าง ๆ หรือสารเคมีที่เข้าเงื่อนไขว่าผิดกฎหมายนั้น มีมากมายหลากหลายรูปแบบ ทั้งที่แบบมีชีวิต และไม่มีชีวิต ยกตัวอย่างเช่น อาวุธปืน, วัตถุระเบิด, สารเร่งการลุกไหม้, ซากศพมนุษย์, โทรศัพท์เคลื่อนที่ ( ของผิดกฎหมายในเรือนจำ ), สกุลเงิน, สัตว์ใกล้สูญพันธุ์, งาช้าง เป็นต้น ซึ่งน้องหมาที่ผ่านการฝึก สามารถแยกแยะกลิ่นได้ แม้ว่ากลิ่นนั้นจะถูกผสมมา หรือถูกกลบด้วยกลิ่นอื่น ๆ ก็ตาม
หากถามถึงความแม่นยำ สำหรับเรื่องการดมกลิ่น ประเทศออสเตรเลียเมื่อปี พ.ศ. 2544 ณ รัฐนิวเซาท์เวลส์ ได้ใช้น้องหมาตรวจจับยาเสพติด ตามรายงานระบุว่า พบยาเสพติดต้องห้าม 26% แต่หลังจากนั้นได้ใช้ Dog ดมกลิ่นอีกครั้ง กลับพบยาเสพติด 84%
ทางออสเตรเลียจึงออกกฎหมาย ให้อำนาจการใช้งาน สุนัขตรวจจับ โดยไม่ต้องมีหมายค้น ส่วนสหรัฐอเมริกาได้ใช้งาน ให้น้องหมาตรวจจับศัตรูพืช ซึ่งผลการตรวจจับแม่นยำถึง 99% ทางสหรัฐจึงมีการออกกฎหมายเช่นกัน ในเรื่องของการอนุญาตให้ใช้งานสหาย 4 ขา [2]
Dog เป็นสัตว์ที่มีทักษะการดมกลิ่นที่ดี นอกจากการตรวจจับสารอันตราย และวัตถุแปลกปลอมแล้ว ปัจจุบันยังฝึกให้น้องดมกลิ่น เพื่อคอยบ่งชี้ให้กับแพทย์ ว่าบุคคลไหนที่เป็นผู้ป่วยโควิด -19 แบบไม่แสดงอาการ โดยน้องจะดมกลิ่นจากเหงื่อใต้วงแขนของผู้ป่วย
ซึ่งที่ผ่านมามีตัวอย่างการตรวจโควิด -19 ด้วยสหาย 4 ขา 6 ตัว ทำการดมกลิ่นผู้ป่วยที่มีอาการ 95 ราย และผู้ที่ไม่แสดงอาการ 82 ราย ทั้งนี้น้องสามารถแยกแยะกลิ่นได้ ด้วยอัตราความถูกต้อง 76 – 100% อีกทั้งความแม่นยำสูงถึง 85 – 100% สามารถบ่งชี้บุคคล ที่ไม่ติดเชื้อได้ถูกต้อง 92 – 99% [3]
สำหรับงานวิจัยใหม่ของมหาวิทยาลัยดัลฮูซี ประเทศแคนาดา ได้ค้นพบว่า Dog มีบทบาทในการช่วยเหลือ มนุษย์ที่กำลังทรมานกับโรค PTSD โรคที่เกี่ยวกับความเครียด ความทรมานที่ผู้ป่วย จะต้องเผชิญกับเหตุการณ์สะเทือนใจ โดยน้องหมาตัวเล็ก 2 ตัว ที่ทางนักวิจัยได้ส่งเข้าไป ให้ทำการใกล้ชิดผู้ป่วย
โดยน้องหมาสามารถรับรู้ได้ เพียงแค่ดมกลิ่นลมหายใจ จากนั้นน้องได้เข้าช่วยเหลือผู้ป่วย ให้จิตใจรู้สึกสงบลง ด้วยวิธีของการกอด ให้ผู้ป่วยรู้สึกว่า สภาพแวดล้อมข้างตัวมันปลอดภัย สำหรับงานวิจัยในครั้งนี้ มีการนำไปใช้ต่อยอด เพื่อให้เพื่อนซี้สี่ขาเข้าช่วยเหลือ ผู้ป่วยที่กำลังเผชิญกับโรค PTSD มากขึ้น [4]
สหายสี่ขา ที่ได้รับการฝึกมาเป็นอย่างดี ใช้ประโยชน์จากประสาทสัมผัสของจมูก เพื่อทำหน้าที่ที่เป็นประโยชน์ ถือว่าสัตว์เลี้ยงยอดนิยมประเภทนี้ ค่อนข้างมีข้อดีเต็มไปหมด ทั้งการตรวจจับสารอันตราย ตรวจจับบุคคลที่ป่วยโควิด -19 และการช่วยเหลือผู้ป่วยโรค PTSD