สัตว์ปีก กลุ่มสิ่งมีชีวิตที่มนุษย์รู้จัก และคุ้นเคยพบเห็นในชีวิตประจำวัน ถือเป็นสัตว์มีความสำคัญ ไม่ว่าจะในระบบนิเวศ หรือแม้กระทั่งต่อชีวิตมนุษย์ โดยมีทั้งสัตว์มีปีกที่บินได้ รวมถึงสัตว์มีปีกที่บินไม่ได้ แต่เหล่านี้แล้วเป็นสิ่งมีชีวิต สัตว์สร้างรายได้ ที่คนส่วนใหญ่เลี้ยงเพื่อการค้า เพื่อเอาเนื้อ เพื่อเอาไข่ ถือว่าสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ สามารถเป็นแหล่งรายได้ และโภชนาการของมนุษย์
“ สัตว์มีปีก ” หรือ “ นก ” กลุ่มสิ่งมีชีวิตมีแกนสันหลัง จัดว่าเป็นสัตว์เลือดอุ่น รวมไปถึงพวกไก่, เป็ด, ห่าน และไก่ฟ้า โดยพวกมันเป็นนกที่ถูกเลี้ยงโดยมนุษย์ เพื่อวัตถุประสงค์ในการเก็บเกี่ยวผลิตภัณฑ์จากสัตว์ อาทิเช่น เนื้อ ไข่ หรือขน บลา ๆ ในปัจจุบันความหนาแน่นของนกทั่วโลก
มีอยู่ประมาณ 8,800 – 9,800 ชนิด นับว่าสิ่งมีชีวิตอย่าง “ นก ” เป็นชั้นสัตว์มีแกนสันหลัง ที่มีความหลากหลายมากที่สุด ในบรรดาสัตว์มีแกนสันหลังทั้งหลาย ทั้งนี้ สัตว์มีปีกถือว่ามีความสำคัญ ไม่ว่าจะต่อระบบนิเวศ และต่อชีวิตของมนุษย์ เพราะทั้งสองต่างมีความสัมพันธ์ มีการเกื้อกูลกันตามหลักธรรมชาติ [1]
ลักษณะสำคัญที่ถือว่าเป็นลักษณะเฉพาะ ของกลุ่มสิ่งมีชีวิตมีปีก นั่นก็คือ มีขนเป็นแบบแผง โดยขนจะเป็นเส้นเล็ก ๆ ซึ่งแต่ละเส้นจะเรียงชิดติดกัน ปากเป็นจะงอย แต่ส่วนปากอาจจะแตกต่างกันไป เพื่อให้เหมาะกับการกินอาหาร
อีกทั้งเท้าของ สัตว์ปีก ต่าง ๆ จะแตกต่างกัน เพื่อให้เหมาะกับการดำรงชีวิต ส่วนถุงลมบริเวณส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย อาทิเช่น ท้อง ทรวงอก ฐานของคอ จะช่วยเก็บอากาศเพื่อแลกเปลี่ยนก๊าซที่ปอด ทั้งนี้ อวัยวะต่าง ๆ ได้ถูกแบ่งแยกออกมาเป็นดังนี้
ที่มา: คลังความรู้ SciMath – สัตว์ปีกน่ารู้ [2]
ไก่ : สัตว์มีปีกที่มีหลายสายพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็น ไก่ป่าลังกา หรือไก่ป่าอินเดีย พวกมันเป็นนกที่บินได้ในระยะสั้น เดิมทีมนุษย์เลี้ยงไก่ไว้เฉพาะในการแข่งขัน บางทีก็เลี้ยงไว้เพื่อในโอกาสพิเศษ แต่ยังไม่มีใครเลี้ยงไก่ไว้เป็นอาหาร
แต่ปัจจุบันมนุษย์เลี้ยงไก่ไว้เป็นอาหาร เพื่อบริโภคเนื้อ บริโภคไก่ ทั้งนี้ ไก่เป็นสัตว์ที่แพร่กระจายพันธุ์ ที่สามารถพบได้ทั่วไปมากที่สุด ซึ่งเมื่อปี 2018 มีจำนวนไก่กว่า 2.37 หมื่นล้านตัว แต่จำนวนไก่เพิ่มขึ้นมาในปี 2011 เป็นจำนวนกว่า 1.9 หมื่นล้านตัว [3]
เป็ด : สัตว์ปากแบน ตีนแบน มีหลายสีให้เลือกเลี้ยง อาทิเช่น สีขาว, สีน้ำตาล, สีม่วง, สีเขียว บลา ๆ โดยการเลี้ยงเป็ดมี 2 ประเภท ได้แก่ การเลี้ยงเพื่อใช้เป็นอาหาร และการเลี้ยงเพื่อให้เป็น สัตว์เศรษฐกิจ ช่วยสร้างอาชีพ สร้างรายได้ โดยสายพันธุ์เป็ดจะมีอยู่ไม่กี่พันธุ์ ไม่ว่าจะเป็น เป็ดไข่ หรือเป็ดเนื้อ [4]
ทั่วโลกมีการเลี้ยงไก่มากกว่า สัตว์ปีก ประเภทอื่น ๆ โดยมีไก่มากกว่า 50,000 ล้านตัว ที่เลี้ยงไว้เพื่อเป็นแหล่งเนื้อ แหล่งไข่ในแต่ละปี แต่ตามธรรมเนียมแล้ว นกเหล่านี้จะถูกเลี้ยงเป็นฝูงเล็ก ๆ โดยผลกำไรจากการเลี้ยง จากผลิตภัณฑ์ ขึ้นอยู่กับราคาอาหารสัตว์ ที่มันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ในหลายประเทศสัตว์มีปีกส่วนใหญ่
มีการจัดแสดงนกระดับชาติ และระดับภูมิภาค โดยการแสดงจะตัดสินจาก ลักษณะเฉพาะของสายพันธุ์ ตามที่กำหนดในมาตรฐานสายพันธุ์นั้น ๆ นอกจากนี้ สัตว์มีปีกรวมถึงสัตว์จำพวกน้ำ อย่าง กุ้ง ปู ปลา หอย บลา ๆ เหล่านี้ล้วนเป็น สัตว์น้ำ ที่เป็นแหล่งอาหารของมนุษย์ โดยสัตว์มีปีกเป็นเนื้อสัตว์ ที่มนุษย์บริโภคมากที่สุด เป็นอันดับ 2 ของโลก ซึ่งคิดเป็นประมาณ 30% ของผลผลิตเนื้อสัตว์ทั้งหมดทั่วโลก
ห่าน : สัตว์ที่มนุษย์เลี้ยงเพื่อกำจัดวัชพืชในสวน เลี้ยงเพื่อเฝ้าบ้าน และเลี้ยงเพื่อบริโภคเป็นอาหาร ในประเทศไทยนิยมเลี้ยงสายพันธุ์ “ ห่านเทาปากชมพู ” กับ “ ห่านเทาปากดำ ” โดยคนที่นิยมบริโภคห่าน นั่นก็เพราะ ห่านมีขนาดตัวใหญ่ บวกเนื้อหนังที่แน่น นิยมนำมาปรุงอาหารต่าง ๆ อาทิเช่น บะหมี่ในหม้อจีน [5]
ไก่งวง : กลุ่มญาติสนิทมิตรสหายของไก่ฟ้า และไก่กินี ส่วนใหญ่นิยมเลี้ยงเชิงพาณิชย์ในที่ร่ม ครั้งหนึ่งไก่งวงมักถูกบริโภคในโอกาสพิเศษ อย่างเทศกาลวันคริสต์มาส หรือวันขอบคุณพระเจ้า อย่างไรก็ตาม ไก่งวงเป็นส่วนหนึ่งของอาหาร ในชีวิตประจำวันมากขึ้นในหลายส่วนของโลก
สัตว์มีปีกมีอะไรบ้าง : สัตว์จำพวกนก รวมไปถึงไก่ฟ้า, ไก่, ห่าน, เป็ด และค้างคาว
สัตว์มีปีกแบ่งออกมาได้กี่กลุ่ม : ประเภท สัตว์ปีก จะแบ่งตามลักษณะการบินได้ 2 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ สัตว์มีปีกบินได้ กับสัตว์มีปีกบินไม่ได้
สัตว์มีปีกแต่มี 2 ขา มีอะไรบ้าง : นกกระเรียน, นกกระสา, นกแก้ว, นกกระจอกเทศ, นกคุ่ม, นกกระทา, ไก่ฟ้า, นกกระตั้ว บลา ๆ
สัตว์มีปีกมีวิวัฒนาการมาจากอะไร : พวกมันมีวิวัฒนาการมาจากสัตว์เลื้อยคลาน ทำให้สัตว์มีปีกเป็นสัตว์เลือดอุ่น และมีแกนสันหลัง เป็นต้น
สัตว์ที่มีการแพร่กระจาย และสามารถพบเห็นได้ทุกที่รอบโลก อย่าง “ สัตว์มีปีก ” ทั้งนก ไก่ เป็ด ห่าน บลา ๆ ล้วนแล้วแต่เป็นสัตว์เศรษฐกิจ ที่ช่วยสร้างอาชีพเล็ก ๆ สร้างรายได้ให้กับมนุษย์ แถมมนุษย์ยังสามารถใช้ประโยชน์ ในด้านการบริโภคเป็นอาหารอีกด้วย
