ปลาฉลามกรีนแลนด์ (Greenland shark) เป็นหนึ่งในสัตว์น้ำ ที่โดดเด่นที่สุด ในมหาสมุทร มหาสมุทรอาร์กติก และแอตแลนติกเหนือ ด้วยขนาดที่ใหญ่โต และอายุยาวนาน จนได้รับการขนานนาม ว่าเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลัง ที่อายุยืนที่สุดในโลก ฉลามชนิดนี้ ยังคงเป็นที่สนใจ ของนักวิทยาศาสตร์ และนักธรรมชาติวิทยาทั่วโลก
ปลาฉลามกรีนแลนด์ มีหนึ่งในคุณสมบัติ ที่โดดเด่นที่สุด นั่นก็คือ อายุขัยที่ยาวนาน นักวิทยาศาสตร์ ใช้เทคนิคการวิเคราะห์ แกนตาของฉลาม และพบว่าพวกมัน สามารถมีอายุขัย เฉลี่ย 250-500 ปี โดยบางตัวอาจมีอายุถึง 512 ปี อัตราการเติบโตที่ช้ามาก (ประมาณ 1 เซนติเมตรต่อปี)
และการเจริญพันธุ์ ที่ล่าช้า (ต้องมีอายุประมาณ 150 ปีถึงจะเริ่มสืบพันธุ์ได้) เป็นปัจจัยสำคัญ ที่ส่งผลต่อความยืนยาว ของพวกมัน [1]
ฉลามกรีนแลนด์ มีขนาดใหญ่ อย่างน่าประทับใจ โดยความยาวเฉลี่ย อยู่ที่ 6-7 เมตร และน้ำหนัก อาจมากกว่า 1,000 กิโลกรัม มีรูปร่างป้อม หัวทู่ ตาเล็ก และลำตัวมีสีเทา น้ำตาล หรือสีเขียวเข้ม พร้อมลวดลายจุดเล็กๆ ที่ช่วยให้พวกมัน กลมกลืนกับสภาพแวดล้อม ใต้ทะเลลึก แม้จะมีขนาดใหญ่ แต่ฉลามกรีนแลนด์ว่ายน้ำอย่างช้าๆ
เนื่องจาก ระบบเผาผลาญ พลังงานที่เหมาะสม กับอุณหภูมิของน้ำเย็นจัด ในแถบขั้วโลก ดวงตาของพวกมัน มักถูกปรสิตชนิดหนึ่ง (Ommatokoita elongata) เกาะ ทำให้การมองเห็นจำกัด อย่างไรก็ตาม ฉลามกรีนแลนด์มีประสาทสัมผัส ที่พัฒนามา เพื่อช่วยให้ล่าเหยื่อ ในความมืดใต้ทะเลลึก ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์
ที่มา: “ปลาฉลามกรีนแลนด์” [2]
ปลาฉลามกรีนแลนด์เป็นนักล่า ที่มีพฤติกรรมกิน ทั้งสัตว์ที่ยังมีชีวิต และซากสัตว์ ที่ลอยอยู่ในทะเล อาหารหลักของพวกมันคือ ปลากระเบน ปลาขนาดเล็ก แมงกะพรุน และสัตว์น้ำ ในทะเลลึก แต่ยังเคยมีการพบ ซากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ขนาดใหญ่ เช่น หมีน้ำแข็ง วาฬ และแมวน้ำ ในกระเพาะอาหาร ของมันด้วย
สิ่งที่น่าสนใจคือ ฉลามกรีนแลนด์ มักจะเคลื่อนไหวช้า แต่ยังสามารถล่าเหยื่อ ได้ในสภาวะ ที่แสงสว่างน้อย หรือแม้กระทั่ง ในความมืดสนิท ของมหาสมุทรลึก
ปลาฉลามกรีนแลนด์ มีบทบาทสำคัญ ในวัฒนธรรมท้องถิ่น ในไอซ์แลนด์ เนื้อของมัน แม้จะเป็นพิษ ในสภาพสด เพราะมีสาร trimethylamine oxide (TMAO) แต่สามารถรับประทาน ได้หลังผ่านการหมัก และบ่มจนกลายเป็น “ฮาการ์ล (Hákarl)” ซึ่งเป็นอาหารพื้นบ้าน ที่มีรสชาติ และกลิ่นเฉพาะตัว
ในทางวิทยาศาสตร์ ฉลามกรีนแลนด์ ช่วยเปิดประตูสู่การวิจัย เกี่ยวกับกลไก ของการมีอายุยืนยาว รวมถึงการปรับตัว ในสภาพแวดล้อมที่รุนแรง เช่น อุณหภูมิต่ำ และความดันสูง นอกจากนี้ ยังมีบทบาทสำคัญ ในระบบนิเวศ ของทะเลลึก ในฐานะผู้ล่า และผู้ช่วยกำจัดซากสัตว์
ฉลามกรีนแลนด์ อยู่ในฐานะผู้ล่า ที่อยู่ระดับสูง ในห่วงโซ่อาหาร จึงทำให้มัน มีบทบาทสำคัญ ในระบบนิเวศ ใต้ทะเลลึกเป็นอย่างมาก โดยพวกมันกินสัตว์ หลากหลายชนิด เช่น
ปลา (ทั้งปลาน้ำลึก และปลาขนาดเล็ก ในระดับน้ำตื้น) หมึก และซากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ในทะเล เช่น วาฬ และแมวน้ำที่ตายแล้ว
ฉลามกรีนแลนด์ ทำหน้าที่เหมือน “นักเก็บกวาด” ในระบบนิเวศ การทำหน้าที่ นี้ช่วยกำจัด ซากอินทรียวัตถุ ที่อาจสะสมจนเกิดการเน่าเสีย และลดความเสี่ยง ที่สารพิษจากการย่อยสลาย จะกระจายในทะเลลึก บทบาทพวกนี้ เป็นการช่วยทั้งควบคุมประชากร และทำให้ความหลากหลาย ทางชีวภาพคงที่ และสมดุล
ฉลามกรีนแลนด์ สามารถดำรงชีวิต ในน้ำที่มีอุณหภูมิต่ำ ถึง -2 องศาเซลเซียสได้ เนื่องจาก ระบบร่างกายของพวกมัน มีการปรับตัว ให้ทนต่อความเย็นจัด เช่น
สรุป ปลาฉลามกรีนแลนด์ เป็นตัวแทน ที่สมบูรณ์แบบ ของความลึกลับ และความยิ่งใหญ่ ของธรรมชาติ การศึกษาพวกมัน ไม่ได้เพียงแค่ช่วยให้เรา เข้าใจชีวิตในมหาสมุทร แต่ยังเปิดโอกาส ให้เราเรียนรู้ เกี่ยวกับวิถีชีวิต ที่ยาวนานและความลับ ของการอยู่รอด ในสภาพแวดล้อม ที่ท้าทายที่สุดในโลกอีกด้วย