
ประวัติ แมวคิตตี้ ซอฟท์พอว์ (Kitty Softpaws) เป็นตัวละครที่มีเสน่ห์ และโดดเด่นในภาพยนตร์เรื่อง Puss in Boots: The Last Wish ซึ่งเธอไม่ได้เป็นเพียง ตัวละครคู่ขนานของพุ๊ซอินบุ๊ทส์ แต่ยังเป็นตัวละครที่มีมิติ และความลึกซึ้งในตัวเอง โดยเฉพาะเมื่อมองผ่านเรื่องราวเบื้องหลัง และบทบาท ที่เธอมีในภาพยนตร์ภาคนี้
แมวคิตตี้ (Kitty) ปรากฏตัวครั้งแรกในภาพยนตร์ “Puss in Boots (2011)” โดยเธอเป็นแมวสาวนักล้วงกระเป๋า ผู้มีความฉลาด เจ้าเล่ห์ และเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ แต่ในภาค The Last Wish เธอมีบทบาทที่เติบโตมากขึ้น พร้อมกับเปิดเผยด้านอ่อนไหว และแรงจูงใจของเธอ ในเชิงที่ลึกมากขึ้น
คิตตี้เป็นอดีตคู่หู และคนรักของพุ๊ซ เธอมีขนสีดำเงางาม ตัดกับดวงตาสีฟ้า ที่แฝงเสน่ห์ลึกลับ เธอเป็นตัวละครที่เก่งกาจ พลิ้วไหว และเจ้าเล่ห์ เธอมักจะเป็นคนคอยดึงพุ๊ซ ให้กลับมาสู่ความจริง เมื่อเขาทำตัวเหลิงจนเกินไป แต่เธอก็มีความเจ็บปวดในใจเช่นกัน โดยเฉพาะความผิดหวังในอดีต ที่พุ๊ซเคยทิ้งเธอไป ในช่วงเวลาสำคัญ [1]
ใน “The Last Wish” การกลับมาของ Kitty เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ พุ๊ซอินบุ๊ทส์ ต้องเผชิญหน้า กับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ในชีวิตของเขา หลังจากที่เขาได้เสียชีวิตไปถึงแปดครั้ง และเหลือเพียงชีวิตเดียว พุ๊ซจึงตัดสินใจออกตามหา “ดวงดาวแห่งความปรารถนา” (The Wishing Star) เพื่อขอพร ให้ได้ชีวิตทั้งหมดกลับคืนมา
การเดินทางครั้งนี้ ทำให้เขาได้กลับมาพบกับคิตตี้ ซึ่งในตอนแรก เต็มไปด้วยความไม่ไว้วางใจ และความขุ่นเคืองในอดีต ที่ยังไม่ถูกแก้ไข คิตตี้เป็นตัวละครที่ฉลาด และมีความมั่นใจ เธอมักจะใช้ความสามารถ ในการลอบเร้น และการต่อสู้ เพื่อช่วยเหลือตัวเอง และคนอื่นได้เสมอ [2]
สิ่งหนึ่งที่ทำให้ตัวละครคิตตี้น่าสนใจ คือความสัมพันธ์ของเธอกับพุ๊ซ ทั้งสองมีอดีตที่เกี่ยวพันกัน ในเชิงโรแมนติก แต่ความโรแมนติกของพวกเขา กลับไม่ได้จบลงด้วยดี คิตตี้เคยคิดว่าพวกเขา จะใช้ชีวิตร่วมกัน แต่พุ๊ซกลับละเลยเธอ ในวันสำคัญที่สุด ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เธอ รู้สึกว่าความเชื่อใจนั้น เปราะบางเกินไป
อย่างไรก็ตาม เมื่อทั้งสองต้องเดินทางร่วมกัน ในการตามหาดวงดาวแห่งความปรารถนา พวกเขาเริ่มค่อยๆเปิดใจ และได้เรียนรู้ที่จะให้อภัยซึ่งกันและกัน
“แมวคิตตี้ ซอฟท์พอว์” ไม่ได้เป็นแค่ตัวละครหญิงธรรมดา เธอเป็นตัวละครที่ถูกสร้างขึ้นมา อย่างมีรายละเอียด เธอมีความลุ่มลึก และซับซ้อนในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นด้านจิตใจ ความสามารถ และบทบาทในเรื่อง
ในแง่ของลักษณะนิสัย คิตตี้เป็นแมวที่ฉลาด และมีไหวพริบสูง เธอเข้าใจสถานการณ์รอบตัว ได้อย่างรวดเร็ว และมักมีวิธีรับมือ ที่ชาญฉลาด เธอเป็นตัวแทนของความคิดที่สุขุม และการตัดสินใจที่มีเหตุผล
ซึ่งตรงข้ามกับพุ๊ซ ที่ในช่วงแรกของเรื่อง มักจะถูกขับเคลื่อนด้วยอีโก้ และความหลงใหลในชื่อเสียง คิตตี้มักจะใช้คำพูดที่ตรงไปตรงมา แต่ก็เจือด้วยความนุ่มนวล และแฝงอารมณ์ขัน เธอมีเสน่ห์ ที่ทำให้คนรอบตัว ไม่อาจละสายตาได้ [3]
กรงเล็บนุ่ม (Softpaws) : เป็นสิ่งที่คิตตี้ ภูมิใจเสมอ เธออธิบายว่าเธอ ไม่มีกรงเล็บ เพราะมันถูกถอนออก ตั้งแต่เธอยังเป็นลูกแมว แม้ว่าสิ่งนี้ จะดูเหมือนความอ่อนแอ แต่คิตตี้กลับใช้มันเป็นจุดแข็ง เธอพัฒนาทักษะอื่นๆ เช่น ความคล่องตัว ความเงียบ และความสามารถในการล้วงกระเป๋า ซึ่งทำให้เธอเป็นนักโจรที่เก่งที่สุด
คิตตี้เป็นตัวละครที่สะท้อนถึงการเติบโต และการให้อภัย เธอแสดงให้เห็นว่าความเชื่อมั่นในตัวเอง และการปล่อยวางจากอดีต สามารถนำพาเรา ไปสู่ความสุขที่แท้จริงได้ แม้จะเป็นแมว แต่คิตตี้ก็มีหัวใจที่ยิ่งใหญ่ และเรื่องราวของเธอ ทำให้ผู้ชมสัมผัสได้ถึงความงดงามของความรัก และมิตรภาพที่แท้จริง ในแบบที่ลึกซึ้ง และมีมนุษยธรรมอย่างมาก
เธอไม่ได้เป็นเพียงคู่หูของพุ๊ซ แต่เธอคือสัญลักษณ์ ของความแข็งแกร่งในตัวเอง ที่หลายคน สามารถมองหาแรงบันดาลใจได้จากเธอ
สรุป “คิตตี้ ซอฟท์พอว์” (Kitty Softpaws) เราได้เรียนรู้หลายสิ่งจากเธอ เช่น ความสำคัญของการปล่อยวาง และให้อภัย, การพึ่งพาตัวเองในชีวิต, การเผชิญหน้ากับความกลัว, การใช้เหตุผลในการตัดสินใจ, การสร้างความสัมพันธ์ที่แท้จริง และการเลือกที่จะใช้ชีวิต อย่างมีความหวัง ทั้งหมดนี้เป็นบทเรียน ที่สามารถนำมาปรับใช้ได้ในชีวิตจริง
ดวงดาวแห่งความปรารถนา (The Wishing Star) ในภาพยนตร์ เป็นสิ่งวิเศษที่มีความสำคัญสูงสุด ในเรื่องราวของภาพยนตร์ ดวงดาวนี้มีพลังพิเศษ ที่สามารถทำให้ความปรารถนา ของผู้ที่ได้ครอบครองมันเป็นจริงได้ ไม่ว่าจะเป็นการขอสิ่งของ หรือการเปลี่ยนแปลงใดๆในชีวิต
ดวงดาวแห่งความปรารถนาจึงเป็นสัญลักษณ์ของ “โอกาสที่สอง” ซึ่งสามารถมอบให้กับผู้ที่ต้องการมัน แต่ในขณะเดียวกัน ก็แสดงให้เห็นถึงความจริงที่ว่า ความเปลี่ยนแปลงในชีวิต ไม่จำเป็นต้องมาจากการขอพ แต่สามารถเกิดขึ้นจากการยอมรับ และการกระทำของเราเองในปัจจุบัน
สำหรับคิตตี้ เธอเลือกที่จะไม่ขอพร จากดวงดาวแห่งความปรารถนา แม้ว่าจะมีสิทธิ์ขอ เธอเข้าใจว่าความสุข และการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง ไม่ได้มาจากการขอพร แต่เป็นการสร้างชีวิตที่ดีขึ้น จากการตัดสินใจ และการกระทำของตัวเอง