นกโดโด ตำนานนกสูญพันธุ์ที่โลกไม่ลืม

นกโดโด

นกโดโด (Dodo) เป็นหนึ่งในสัตว์ ที่คนส่วนใหญ่รู้จัก จากประวัติศาสตร์การสูญพันธุ์ แม้จะไม่ได้เห็นตัวจริง เพราะโดโดได้สูญพันธุ์ไปนานแล้ว แต่ความโด่งดังของมัน ก็ไม่ได้จางหายไป เพราะมีเรื่องราวของนกชนิดนี้ ให้ได้ยิน และได้ศึกษาอยู่บ้าง หลายคนสงสัยว่านกโดโด เป็นนกแบบไหน ทำไมถึงสูญพันธุ์ และมันมีความสำคัญยังไงต่อโลกเรา บทความนี้จะพาไปรู้จักกับนกโดโดในมุมต่างๆ ให้มากยิ่งขึ้น

นกโดโด เป็นนกที่บินไม่ได้

นกโดโด อยู่ในตระกูลเดียวกับนกพิราบ เป็นนกที่ไม่สามารถบินได้ เพราะเหตุผลทางการวิวัฒนาการ ที่เกิดจากสภาพแวดล้อม ที่นกโดโดอาศัยอยู่บนเกาะมอริเชียส ซึ่งไม่มีนักล่าธรรมชาติที่เป็นอันตราย ไม่ได้มีนักล่าขนาดใหญ่ หรือสัตว์ที่คุกคามพวกมัน การบินเพื่อหนีภัยจึงไม่จำเป็น นกโดโดจึงวิวัฒนาการให้ใช้ชีวิต อยู่บนพื้นดินได้อย่างสมบูรณ์ และไม่จำเป็นต้องพัฒนาความสามารถ ในการบินเพื่อหนีภัย

การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์

  • อาณาจักร : Animalia
  • ไฟลัม : Chordata
  • ชั้น : Aves
  • อันดับ : Columbiformes
  • วงศ์ : Columbidae
  • สกุล : Raphus Brisson
  • สปีชีส์ : R. cucullatus

ชื่อทวินาม

  • Raphus cucullatus

ที่มา: “โดโด” [1]

ลักษณะของนกโดโด

นกโดโดมีความสูงประมาณ 1 เมตร และน้ำหนักอยู่ที่ราว 20-23 กิโลกรัม ซึ่งถือว่าเป็นนกขนาดใหญ่ และดูอ้วนท้วน มีขนหนานุ่ม สีเทาอมน้ำตาล หรือสีเทาเข้ม ทำให้มันกลมกลืนกับสภาพแวดล้อมได้ดีมากๆ จะงอยปากของนกโดโดมีขนาดใหญ่ โค้งเล็กน้อย และแข็งแรง ทำให้สามารถกัด และกินผลไม้หรือพืช ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ปากของมันเป็นสีเหลืองซีด หรือน้ำตาลอ่อน หางสั้นที่ดูไม่โดดเด่น เป็นกลุ่มขนที่ฟูขึ้นมาเล็กน้อย ขาของนกโดโดค่อนข้างแข็งแรง และใหญ่เมื่อเทียบกับนกทั่วไป เนื่องจากพวกมันเดิน และเคลื่อนที่บนพื้นดินเป็นหลัก ขานกมีสีเหลืองซีด หรือสีออกน้ำตาลอ่อน

สืบพันธุ์และการเจริญเติบโตของนกโดโด
นักวิจัยจาก พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ ในกรุงลอนดอน รายงานว่าได้ทำวงจรการสืบพันธุ์ และการเจริญเติบโตของนกโดโด ว่านกโดโดจะตั้งไข่ช่วงเดือนสิงหาคม ฟักในเดือนกันยายน ลูกนกจะโตเร็ว และแข็งแรงพอที่จะทน ต่อสภาพอากาศรุนแรงบนมอริเชียส นกจะโตเต็มวัย และเริ่มผลัดขนเป็นนกผู้ใหญ่ ในเดือนมีนาคม และเริ่มต้นฤดูสืบพันธุ์ในเดือนกรกฎาคมต่อไป คาดว่านกโดโดเมื่อโตขึ้น อาจมีน้ำหนักตั้งแต่ 10-14 กิโลกรัมเลยทีเดียว [2]

ถิ่นกำเนิดของนกโดโด

ถิ่นกำเนิดของนกโดโด คือที่เกาะมอริเชียส ซึ่งตั้งอยู่ในมหาสมุทรอินเดีย ทางตะวันออกของมาดากัสการ์ นกโดโดมีการวิวัฒนาการ ให้สามารถดำรงชีวิตบนเกาะนี้ ได้อย่างสมบูรณ์แบบ เนื่องจากเกาะมอริเชียส ไม่มีสัตว์นักล่าขนาดใหญ่ ทำให้นกโดโดไม่จำเป็นต้องบินหนีภัย และพัฒนาตัวเอง ให้กลายเป็นนกที่บินไม่ได้

นอกจากนี้ เกาะมอริเชียสมีสภาพแวดล้อม ที่เต็มไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ ทั้งพืชพันธุ์และผลไม้ ซึ่งเป็นอาหารหลัก ของนกโดโด พวกมันจึงใช้ชีวิตในระบบนิเวศนี้ ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาการบิน หรือการหลบหนีจากนักล่า จนกระทั่งมนุษย์เข้ามาสำรวจเกาะ และเริ่มการล่านกโดโด ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระบบนิเวศ และทำให้นกโดโดสูญพันธุ์ไปในที่สุด

การสูญพันธุ์ของ นกโดโด

นกโดโด

นกโดโด เริ่มสูญพันธุ์นับหลังจาก นักเดินเรือชาวยุโรป เริ่มสำรวจมหาสมุทรอินเดีย และมาถึงเกาะมอริเชียส ในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 16 มนุษย์ได้ล่านกโดโด เพื่อเป็นแหล่งอาหาร แม้ว่าเนื้อของมัน จะไม่ได้อร่อยเท่าไร แต่เนื่องจากเป็นนกขนาดใหญ่ ที่ไม่สามารถบินได้ ทำให้มันกลายเป็นเหยื่อที่ล่าง่าย

นอกจากนี้ การนำเข้าของสัตว์ ที่ไม่ได้เป็นสัตว์พื้นเมือง เช่น หมู หนู แมว และสุนัข ที่ติดมากับเรือของนักสำรวจ พวกมันกินไข่ของนกโดโด และทำลายรัง เนื่องจากนกโดโดออกไข่เพียงครั้งละไม่มาก และไข่ถูกวางไว้บนพื้นดิน ทำให้ไข่ของมันตกเป็นเหยื่อ ของสัตว์ที่มนุษย์นำเข้ามาได้ง่าย สัตว์เหล่านี้เข้ามาเป็นนักล่า ที่นกโดโดไม่เคยเผชิญมาก่อน ทำให้จำนวนประชากรลดลงอย่างรวดเร็ว

ที่มา: “นกโดโดที่สูญพันธุ์ไปแล้ว อาจกลับมามีชีวิตอีกครั้ง หลังนักวิทยาศาสตร์สหรัฐฯ กำลังคืนชีพมัน” [3]

การสูญพันธุ์อย่างเป็นทางการ

ภายในเวลาราว 100 ปีหลังจากที่มนุษย์ เข้ามายังเกาะมอริเชียส นกโดโดก็สูญพันธุ์ไปอย่างสมบูรณ์ การพบเจอนกโดโดครั้งสุดท้าย ถูกบันทึกไว้เมื่อปี ค.ศ. 1681 ในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 17 หลังจากนั้นไม่มีใครเห็นนกโดโดอีกเลย ซึ่งถือว่าเป็นการยืนยันว่า มันได้สูญพันธุ์ไปจากโลกแล้ว เหมือนกับสัตว์สูญพันธุ์อื่นๆอย่าง ไดโนเสาร์ และ ไทลาชีน

บทเรียนที่ได้รับจากนกโดโด

การสูญพันธุ์ของนกโดโด เป็นบทเรียนที่สำคัญ สำหรับมนุษย์ในเรื่องของการอนุรักษ์ และการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ นกโดโดเป็นตัวอย่างที่ชัดเจน ว่าเมื่อมนุษย์ทำลายถิ่นที่อยู่อาศัยของสัตว์ และรบกวนระบบนิเวศ ที่ซับซ้อนอย่างไร้ความรู้ และความเข้าใจ สัตว์ที่เคยมีอยู่มากมาย ก็สามารถหายไปได้อย่างรวดเร็ว

ปัจจุบัน นกโดโดกลายเป็นสัญลักษณ์ ของการสูญพันธุ์ที่มนุษย์เป็นผู้ก่อขึ้น และยังเป็นแรงบันดาลใจ ให้กับนักอนุรักษ์ธรรมชาติ และนักวิทยาศาสตร์ในการปกป้องสัตว์ และสิ่งแวดล้อม ไม่ให้เกิดการสูญพันธุ์ ในลักษณะเดียวกันนี้อีก

 

สรุป นกโดโด Dodo

สรุป นกโดโด(Dodo) เป็นนกที่บินไม่ได้ และเคยอาศัยอยู่บนเกาะมอริเชียส ซึ่งสูญพันธุ์ในช่วงปลายศตวรรษที่ 17 ภายในเวลาไม่นาน หลังจากที่มนุษย์มาถึงเกาะ สาเหตุหลักของการสูญพันธุ์ เกิดจากการล่าของมนุษย์ และสัตว์ที่มนุษย์นำเข้ามา นกโดโดจึงเป็นตัวแทนของการสูญพันธุ์ ที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์ และเป็นการเตือนสติ ให้เราระลึกถึงความสำคัญ ของการรักษาสิ่งแวดล้อม และการอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ เพื่อให้แน่ใจว่าสัตว์อื่น ๆ ที่ยังคงอยู่จะไม่หายไป เช่นเดียวกับโดโดอีก

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง