นกเงือก (Hornbill) เป็นนกที่มีลักษณะโดดเด่น ด้วยจะงอยปากขนาดใหญ่ และมีสีสันสะดุดตา ซึ่งทำให้มันเป็นหนึ่งในนก ที่ดูโดดเด่นที่สุด ในป่าฝนเขตร้อน นกเงือกเป็นนกที่มีความหลากหลาย ทางชนิดมาก พบได้ในหลายพื้นที่ของโลก โดยเฉพาะในเอเชีย และแอฟริกา เป็นนกที่ขึ้นชื่อเรื่องความรัก และการสร้างป่า มีความสำคัญในระบบนิเวศ โดยทำหน้าที่ขยายผืนป่าของเรา ให้อุดมสมบูรณ์มากขึ้น
นกเงือก นกเงือกมีบทบาทสำคัญ ในการรักษาสมดุล ของระบบนิเวศ เพราะนกเงือกกินผลไม้เป็นอาหารหลัก และมีหน้าที่สำคัญ ในการกระจายเมล็ดพันธุ์ ไปยังส่วนต่าง ๆ ของป่า นั่นหมายความว่า นกเงือกมีส่วนสำคัญในการฟื้นฟู และรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ ของพืชในป่า ซึ่งเป็นเหตุผลที่นกเงือก ได้รับการขนานนามว่าเป็น “ผู้ช่วยสร้างป่า”
คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ผู้ที่ศึกษาและวิจัยนกเงือก มานานกว่า 20 ปี
จึงได้กำหนดให้ วันที่ 13 กุมภาพันธ์ ของทุกปีเป็น ‘วันรักนกเงือก’ ขึ้นครั้งแรกในปี พ.ศ 2547 เพื่อสร้างความตระหนักรู้ เกี่ยวกับความสำคัญ ของการอนุรักษ์นกเงือก สัตว์ป่าที่มีบทบาทสำคัญ ในระบบนิเวศ และเป็นสัญลักษณ์ ของความอุดมสมบูรณ์ของป่า [1]
และตระหนักถึงสถานการณ์ ที่นกเงือกต้องเผชิญ กับภัยคุกคามหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียที่อยู่อาศัย จากการตัดไม้ทำลายป่า การล่า และการค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมาย
นกเงือกในประเทศไทย มีทั้งหมด 13 ชนิด แต่ละชนิด จะมีลักษณะและถิ่นที่อยู่ ที่แตกต่างกัน
ที่มา: “นกเงือกไทย 13 ชนิด” [2]
นกเงือกมีลักษณะพิเศษ ที่ทำให้มันโดดเด่น จากนกชนิดอื่น ๆ คือจะงอยปากที่ยาว และหนา บางสายพันธุ์ ยังมีโหนกเหนือจะงอยปาก ซึ่งทำหน้าที่ช่วย ในการส่งเสียง นอกจากนั้น ขนของนกเงือกมีสีสันหลากหลาย ขึ้นอยู่กับชนิดของนก สีน้ำตาล ดำ และขาวเป็นสีหลักที่พบเห็นบ่อย ในนกเงือกหลายชนิด
การจำแนกทางวิทยาศาสตร์
ที่มา: “นกเงือก” [3]
นกเงือก เป็นตัวอย่างที่โดดเด่น ของสัตว์ที่มีคู่ครอง เพียงตัวเดียวตลอดชีวิต หรือที่เรียกว่า Monogamous (รักเดียวใจเดียว) เมื่อมันเลือกคู่แล้ว มันก็จะอยู่กับคู่ของมันไปตลอดชีวิต หากคู่ใดตัวหนึ่งตาย อีกตัวมักจะไม่มีคู่ใหม่ทันที และใช้เวลานาน กว่าจะหาคู่ใหม่ได้ พฤติกรรมนี้แสดงถึงความผูกพัน ที่แข็งแรงระหว่างคู่ของพวกมัน เพราะตัวผู้จะดูแลตัวเมีย และลูกจนกระทั่ง ลูกนกแข็งแรงพอ ที่จะออกจากรังได้
สิ่งที่น่าสนใจ เกี่ยวกับนกเงือกคือ พฤติกรรมการเลี้ยงลูกของพวกมัน นกเงือกเพศผู้จะมีบทบาทสำคัญ ในการหาอาหาร และปกป้องรัง ขณะที่นกเงือกเพศเมีย จะกักตัวอยู่ในโพรงต้นไม้ เพื่อดูแลไข่และลูกอ่อน นกเงือกเพศเมีย จะปิดปากโพรงด้วยโคลน ทำให้ปลอดภัยจากนักล่า และภัยคุกคามต่าง ๆ จนกระทั่งลูกนกโตพอ ที่จะออกจากรังได้
ตัวเมียจะอยู่ในโพรง และฟักไข่ โดยออกจากโพรงไม่ได้ ตลอดช่วงเวลานี้ ซึ่งอาจใช้เวลาราว 25-30 วัน ขึ้นอยู่กับชนิดของนกเงือก ระหว่างนี้ ตัวผู้จะออกหาอาหาร (เช่น ผลไม้ สัตว์ขนาดเล็ก หนอน ไส้เดือน) และนำมาส่งให้ตัวเมีย ผ่านช่องเล็ก ๆ ที่ปิดโพรงเมื่อเวลาผ่านไป ลูกนกและตัวเมีย จะเริ่มช่วยกันเปิดปากโพรง เพื่อออกมาภายนอก ซึ่งอาจใช้เวลา 2-4 เดือน จึงจะพร้อมบิน
หลังจากออกจากโพรงแล้ว พ่อแม่ยังช่วยสอนลูก หัดหาอาหารและเอาตัวรอด ในป่าชั่วระยะหนึ่ง เมื่อมั่นใจว่าลูกนกแข็งแรงพอ พ่อแม่จึงปล่อยให้ลูกนก หากินเองและออกไปสร้างครอบครัวใหม่ต่อไป
นกเงือกถึงแม้ว่าจะเป็นสัญลักษณ์ ของความสมบูรณ์ของป่า แต่ปัจจุบันเผชิญภัยคุกคามหลายประการ เช่น การสูญเสียที่อยู่อาศัย จากการตัดไม้ทำลายป่า นกเงือกต้องการต้นไม้ขนาดใหญ่ ในการทำรัง และการที่ป่าถูกทำลาย ทำให้พวกมันขาดแคลนที่อยู่อาศัย รวมถึงการลักลอบล่า เพื่อการค้าขนและจะงอยปาก ที่มีมูลค่าสูงในตลาดมืด
เพื่อแก้ไขปัญหานี้ เลยมีความพยายาม ในการอนุรักษ์นกเงือกหลายระดับ ทั้งการสร้างพื้นที่อนุรักษ์ การฟื้นฟูป่า และการให้ความรู้แก่ชุมชนท้องถิ่น ตัวอย่างเช่น โครงการวิจัย และอนุรักษ์นกเงือกที่เขาใหญ่ เน้นการศึกษาพฤติกรรมนกเงือกในธรรมชาติ การฟื้นฟูพื้นที่ป่า และให้ความรู้ชุมชน ในการอยู่ร่วมกับนกเงือกอย่างยั่งยืน
สรุป นกเงือก เป็นนกที่มีความสำคัญ ต่อทั้งระบบนิเวศเป็นอย่างมาก ไม่เพียงแต่จะเป็นดัชนีชี้วัด ความสมบูรณ์ของป่าเท่านั้น แต่มันยังเป็นส่วนสำคัญ ในการฟื้นฟูป่า และกระจายพันธุ์พืช การอนุรักษ์นกเงือกจึงเป็นภารกิจ ที่สำคัญของทุกคน ในการรักษาความหลากหลายทางชีวภาพของป่าไว้ และเพื่อให้แน่ใจว่า ลูกหลานของเราจะได้เห็นสัตว์ที่งดงาม และน่าอัศจรรย์นี้ ต่อไปในอนาคต